……….
ความรู้สึกเย็นเยียบสายหนึ่งพลันแล่นขึ้นจากฝ่าเท้าปราดขึ้นไปยังด้านบน!
ไอเย็นยะเยือกที่พัดผ่านตามมาทำเอาฉู่หลิวเยว่หนาวเหน็บไปทั่วสรรพางค์กาย
ยามกำแพงสีดำที่เป็นรอยด่างดวงอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้าก็ดูจะใสกระจ่างขึ้นมาทันตาเห็น
ฉู่หนิงเองก็ตื่นตะลึงจนหยุดอยู่กับที่
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ได้?”
ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดเลยว่ากำแพงนี่จะหายไปหลังฟ้าสาง
เหตุใดวันนี้ถึงได้…
“ดูเหมือนว่าคงต้องคิดหาวิธีอื่นแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็เลือกที่จะยอมรับความจริงอยู่ดี
แม้นมิรู้ว่าเหตุใดกำแพงที่ไม่หายไป แต่นางรู้สึกได้รางๆ ว่ามันจะมีความเกี่ยวข้องกันกับเสียงฉินที่ตนได้ยินอยู่ไม่น้อยทีเดียว
ทว่าตอนนี้นางมิมีหลักฐานใดมายืนยัน จึงยากที่จะพูดออกไปได้
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
“องค์ไท่จู่ ท่านยังอยู่ดีหรือไม่?”
ซั่งกวนจิ้งเองก็ไม่ได้หลับเลยทั้งคืน
ทว่าหลังผ่านการฟื้นบำรุงมาตลอดทั้งคืน ร่างกายของเขาจึงฟื้นฟูไปมากแล้ว เสียงเองก็ฟังดูแข็งแรงกว่าเดิมขึ้นเยอะ
“ข้าปกติดีทุกอย่าง เยว่เออร์ไม่ต้องเป็นกังวลไป”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวถามว่า
“องค์ไท่จู่ หากตอนนี้พวกเราแยกย้ายออกไปคนละทาง แล้วค่อยเจอกันด้านนอกสุสานสังหารเทพ ท่านว่าอย่างใด?”
ซั่งกวนจิ้งถอนหายใจ
มิใช่ว่าเขาไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่ฉู่หลิวเยว่ถามมา
คิดจะข้ามกำแพงนี่มาเจอกันช่างทำได้ยากโดยแท้
หากสามารถรวมกลุ่มกันด้านนอกได้อย่างราบรื่นนั่นก็ไม่เลว
เพียงแต่เรื่องสำคัญมันอยู่ที่ว่า…
“เยว่เออร์ สุสานสังหารเทพมีทางเข้าหลายทาง ทางออกเองก็มีจำนวนนับไม่ถ้วน อีกทั้งตรงกลางเองก็มีกระแสวุ่นวายสลายสูญมากมายก่ายกอง ประมาทนิดเดียวก็หลงทิศทางได้ ครานั้นข้าถึงได้ตรงไปยังบุพกาลชายแดนเหนือ หากพวกเราแยกย้ายกันออกไป คิดจะพบกันใหม่ เกรงว่าจะ…”
ต้องเสียเวลาไปไม่ใช่น้อย
ฉู่หลิวเยว่ชะงักด้วยรู้สึกปวดหัวยิ่งกว่าเก่า
ที่องค์ไท่จู่พูดมาก็เป็นเรื่องที่นางเองกังวลมากที่สุดเช่นกัน
สุสานสังหารเทพแห่งนี้กว้างใหญ่เกินไปแล้วจริงๆ!
ด้วยเป็นพื้นที่เปิดรกร้าง ทั้งยังมิอาจเหาะเหินเดินอากาศได้
หากเดินหลงกันไปครั้งหนึ่งแล้ว คิดจะหาคนอีกรอบ มิรู้ว่าต้องใช้เวลาและแรงกายมากเท่าไร
เสียงฉินที่ก้องวนอยู่ในหัวก็ดูจะเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังคอยเอ้อระเหยวนเวียนไม่หยุด ทำให้ฉู่หลิวเยว่ทวีความร้อนใจมากกว่าเก่า
ปั่ก!
นางกัดฟันกรอด ก่อนจะต่อยลงไปบนกำแพงคราหนึ่ง
สุดท้ายแล้วก็…
หึ่ง!
เสียงกระเพื่อมไหวแผ่วเบาพลันแว่วดังขึ้นมาจากภายในตำแหน่งตันเถียน!
ฉู่หลิวเยว่ตื่นตะลึงอย่างมาก นางพลันได้สติขึ้นมาในทันใด!
แรงสั่นไหวนี้คือ… ไข่มุกธาราเม็ดนั้นนี่!
“เยว่เออร์ เป็นอันใดไป?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะน้อยๆ จากนั้นก็ลองต่อยกำแพงไปอีกรอบหนึ่ง
หึ่ง!
มีแรงกระเพื่อมไหวสะเทือนขึ้นมาอีกแล้ว!
สิ่งที่ละเอียดอ่อนที่สุดคือครานี้ฉู่หลิวเยว่ใช้แรงลงไปมากกว่าเดิมเท่าหนึ่ง แรงสั่นที่เกิดจากไข่มุกธาราจึงรุนแรงกว่าครั้งแรกอยู่ไม่น้อยทีเดียว
นี่มัน…
ฉู่หลิวเยว่ปรายตามองไปยังกำแพงด้วยความใคร่รู้เต็มเปี่ยม สายตาแตกต่างกับก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
ในที่สุดนางก็รู้แล้วว่าก่อนหน้านี้เจ้ามีความคุ้นเคยคล้ายมีคล้ายไม่มีที่ว่านั่นมันมาจากไหน!
… ลมปราณที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่สูงส่งนั้นคล้ายกับไข่มุกธาราที่อยู่ในตำแหน่งตันเถียนของนางเลยมิใช่หรือไรกัน!?
เพียงแต่หลังจากที่นางบุกทะลวงสู่ระดับเทพขั้นสูงเรียบร้อยแล้ว ไข่มุกธาราก็อ่อนกำลังลงมาก ทั้งยังอยู่รอในร่างของนางอย่างสงบเสงี่ยมมาโดยตลอด
ดังนั้นนางจึงมิได้นึกถึงมันอีกเลยมาระยะหนึ่งแล้ว
แต่พอนึกย้อนกลับไปเมื่อก่อนหน้านี้… นางเองก็ถูกไข่มุกธาราทำตัวเจ้ากี้เจ้าการใส่ไม่น้อยเลยหนา!
ในแววตาของฉู่หลิวเยว่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฉงน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...