เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1685

……….

สิ้นเสียงคำพูด บรรยากาศโดยรอบพลันแข็งทื่อขึ้นมาทันที!

รอยยิ้มบนดวงหน้าของลั่วเหยี่ยนจางลงไปในบัดดล

“หรงซิว ข้ารู้ว่าหลายปีมานี้เจ้าค่อนข้างมีชื่อเสียงขจรไกลในอาณาจักรเสิ่นซวี่ แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน เจ้าคงรู้อยู่แก่ใจกระมัง? ข้าเห็นว่าเจ้านับได้ว่าเป็นคนมีหน้ามีตาคนหนึ่งถึงได้ไว้หน้าเจ้า อย่าได้คิดสำคัญตัวไปเชียว”

หรงซิวกลับทำราวกับตนเพิ่งได้ยินเรื่องตลกก็มิปาน รอยยิ้มตรงมุมปากยิ่งลึกล้ำมากกว่าเก่า

“เจ้าอยากหาเรื่องชายาข้าโดยไม่ให้ข้าสอดมือเข้ามาแทรกหรือ… ลั่วเหยี่ยน เจ้าไม่คิดตลกตัวเองหน่อยหรือไร?”

คำพูดนี้ทำให้รอยยิ้มสุดท้ายบนดวงหน้าของลั่วเหยี่ยนหายวับไปโดยสิ้นเชิง

สีหน้าของเขาพลันเย็นเยียบขึ้นมาหลายส่วน แรงกดดันมหาศาลรุนแรงแผ่ออกจากตัวเขาไม่หยุด

“เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับข้าให้ได้เลยใช่หรือไม่?”

หรงซิวเพียงยิ้มมิตอบคำ ราวกับคร้านจะตอบคำถามนี้ก็มิปาน

ท่าทีเช่นนี้กระตุ้นต่อมโมโหของลั่วเหยี่ยนได้โดยมิต้องสงสัย!

“เจ้า…”

“ท่านอาลั่วเหยี่ยน!”

ยามเห็นว่าเขาใกล้หมดความอดทนเต็มที หนานอีอีจึงรีบรั้งแขนของเขาเอาไว้

“ท่านอาลั่วเหยี่ยน ครานี้มิใช่ว่าท่านมาเพื่อแก้แค้นให้ข้าหรอกหรือ? อย่าพุ่งเป้าผิดคนซีเจ้าคะ!”

ก่อนหน้านี้บอกไปแล้วมิใช่หรือไรว่าความขัดแย้งและปัญหาทั้งหมดล้วนเป็นซั่งกวนเยว่ผู้นั้นก่อขึ้นมา?

ลั่วเหยี่ยนมองนางด้วยท่าทีครุ่นคิดแวบหนึ่ง

หนานอีอีหลบสายตาด้วยรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย

พวกหนานอวี่สิงที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างก็สบสายตากันอย่างอดไม่อยู่ ทุกคนล้วนแต่มีสีหน้าซับซ้อนยิ่ง

ความจริงแล้วหากสืบสาวราวเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วละก็ เห็นได้ชัดเลยว่าหรงซิวสมควรถูกหมายหัวมากกว่า

แต่ว่าหลังจากที่หนานอีอีเชิญลั่วเหยี่ยนมา กลับโยนความผิดทุกอย่างไปให้ซั่งกวนเยว่เสียอย่างนั้น

มาถึงขั้นนี้แล้ว ไฉนเลยพวกเขาจะดูเจตนาของหนานอีอีไม่ออกกัน?

ทว่าเรื่องราวดำเนินมาจนบัดนี้ จึงมิอาจพูดอันใดออกไปได้มาก

แต่ไหนแต่ไรมาลั่วเหยี่ยนก็รักใคร่เอ็นดูหนานอีอียิ่งกว่าอันใดดี ทั้งยังเชื่อทุกคำพูดของนางโดยมิคิดเฉลียวใจแม้แต่น้อย

หากพวกเขาพูดเรื่องพวกนี้ไปตอนนี้ จะไม่ยิ่งสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นหรือไร?

ดังนั้นพวกเขาจึงจำต้องเงียบปากไว้

เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของคนเหล่านี้แล้ว ลั่วเหยี่ยนก็เดาได้ในบัดดล

แม้เขาจะเอ็นดูหนานอีอีสุดใจ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไร้หัวคิด

แม้จะรู้สึกประหลาดแลแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่เขาไม่เห็นเคยหนานอีอีออกโรงปกป้องใครเช่นนี้มาก่อน

เจตนานี้ดูออกได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว

ลั่วเหยี่ยนขมวดคิ้วเข้าหากัน

หนานอีอีเองก็ถึงวัยออกเรือนตั้งนานแล้ว แต่กลับมิเคยสนใจในเรื่องพวกนี้มาโดยตลอด

บัดนี้ นางกลับชมชอบคนผู้หนึ่งอย่างหาดูได้ยาก ทว่าอีกฝ่ายกลับเป็นหรงซิวเสียได้

เรื่องสถานะยังพอไปวัดไปวา แต่…

มีใครในอาณาจักรเสิ่นซวี่ไม่รู้บ้างว่าหรงซิวเลือกชายาด้วยตนเอง หมายหมั้นด้วยกันมาตั้งนานแล้ว?

หากเรื่องนี้แพร่ออกไป เช่นนี้แล้วชื่อเสียงของนาง…

เดิมลั่วเหยี่ยนคิดเอ่ยวาจากับนางสักสองสามประโยค ทว่ายามเห็นท่าทีละอายใจของนางแล้วพลันรู้สึกใจเจ็บขึ้นมา คำพูดที่ติดอยู่ที่ปากกลับพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น

ไม่ว่าจะอย่างใด เด็กน้อยเติบใหญ่แล้ว อยู่ข้างนอกอย่างใดก็ควรจะไว้หน้ากันบ้าง

คำพูดพวกนี้… รอกลับไปก่อนค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย!

คิดมาถึงตรงนี้ สายตาของเขาพลันเข้มขึ้น ก่อนจะเบนมองมาทางฉู่หลิวเยว่

อันตรายนัก!

พริบตาที่เขากวาดสายตามองมา ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที! ทั่วทั้งร่างแข็งเกร็งในทันใด!

ต่อให้อีกฝ่ายไม่ได้พูดอันใด นางก็ยังคงสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเฉียบคมของอีกฝ่าย!

นี่เป็นสัมผัสที่หกที่นางฝึกฝนมาจนไวต่อประสาทถึงขนาดที่มิมีสิ่งใดเปรียบหลังจากต้องเผชิญหน้าระหว่างความเป็นความตายนับครั้งไม่ถ้วน!

คิ้วของฉู่หลิวเยว่กระตุกกึก ในใจปรากฏข้อคาดเดาและความคิดวิ่งผ่านนับไม่ถ้วน

ลั่วเหยี่ยนผู้นี้… เหมือนจะมุ่งเป้ามาที่นาง?

แค่เพราะว่านาง ‘รังแก’ หนานอีอีอย่างนั้นหรือ?

แววตาของลั่วเหยี่ยนเย็นยะเยือกขึ้นทันใด

“ในเมื่อได้ยินแล้วก็ทำตามเสีย เวลาของข้ามีจำกัด”

ฉู่หลิงเยว่คิดมาโดยตลอดว่าตัวเองนับว่าเป็นคนบ้าบิ่นแล้ว

แต่วันนี้นับว่านางได้เปิดหูเปิดตาแล้ว

ตลอดทางมานี้ เห็นได้ชัดเลยว่าคนพวกนี้กัดไม่ปล่อย ทั้งยังเป็นฝ่ายหาเรื่องให้พวกเขาไม่หยุดหย่อนก่อน เรื่องดำเนินมาจนถึงบัดนี้ กลับรู้สึกเหมือนตัวเองเสียเปรียบอยู่ไม่น้อยกันหรือ?

เดิมนางก็หมดความอดทนกับพวกเขาอยู่แล้ว ยิ่งพอมีเรื่องขององค์ไท่จู่เข้ามา ก็ยิ่งทำให้นางหงุดหงิดงุ่นง่านมากกว่าเก่า

บัดนี้พอได้ยินคำพูดเช่นนี้ย่อมเป็นการราดน้ำมันลงกองไฟอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ยิ่งนางโมโหมากเท่าไร นางก็ยิ่งมีเหตุผลมากเท่านั้น

นางเดินไปหยุดอยู่ข้างกายหรงซิว จากนั้นก็ยื่นมือไปกอดแขนหรงซิวเอาไว้

หรงซิวคว้ามือของนางมากุม สิบนิ้วประสานกันแนบแน่น

มุมปากของฉู่หลิวเยว่โค้งน้อยๆ กล่าวถามว่า

“ข้ายอมรับว่าบาดแผลบนตัวนางเป็นเพราะข้าจริงๆ เพียงแต่… เจ้าไม่สงสัยเลยหรือว่าเหตุใดข้าถึงทำกับนางแบบนั้น?”

ลั่วเหยี่ยนนิ่วหน้า

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ เอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า

“นางแย่งตัวบุรุษของข้าไปต่อหน้าข้า นางกระทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ ข้าจะมิมีสิทธิ์ตีนางเลยหรือ?”

สีหน้าของหนานอีอีขาวซีดลงฉับพลัน จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำในทันที

“ซั่งกวนเยว่! เจ้า!”

นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฉู่หลิวเยว่จะพูดออกมาตรงๆ ได้ไม่น่าฟังเช่นนี้!

ตั้งแต่เล็กจนโต นางไม่เคยถูกทำให้ขายหน้าต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้มาก่อน!

ลั่วเหยี่ยนเองก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน

หนานอีอีรีบตวัดสายตาไปมองเขา อธิบายอย่างรีบร้อนว่า

“ท่านอาลั่วเหยี่ยน อย่าไปฟังที่นางพูดไร้สาระ! เป็นนางใส่ร้ายข้าเองทั้งนั้น!”

“จะให้ข้าขอขมาก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ก่อนหน้านั้นคงต้องเชิญคุณหนูรองหนานขอโทษข้าสักคำก่อน เป็นอย่างใด?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์