……….
สิ้นเสียงคำพูด บรรยากาศโดยรอบพลันแข็งทื่อขึ้นมาทันที!
รอยยิ้มบนดวงหน้าของลั่วเหยี่ยนจางลงไปในบัดดล
“หรงซิว ข้ารู้ว่าหลายปีมานี้เจ้าค่อนข้างมีชื่อเสียงขจรไกลในอาณาจักรเสิ่นซวี่ แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน เจ้าคงรู้อยู่แก่ใจกระมัง? ข้าเห็นว่าเจ้านับได้ว่าเป็นคนมีหน้ามีตาคนหนึ่งถึงได้ไว้หน้าเจ้า อย่าได้คิดสำคัญตัวไปเชียว”
หรงซิวกลับทำราวกับตนเพิ่งได้ยินเรื่องตลกก็มิปาน รอยยิ้มตรงมุมปากยิ่งลึกล้ำมากกว่าเก่า
“เจ้าอยากหาเรื่องชายาข้าโดยไม่ให้ข้าสอดมือเข้ามาแทรกหรือ… ลั่วเหยี่ยน เจ้าไม่คิดตลกตัวเองหน่อยหรือไร?”
คำพูดนี้ทำให้รอยยิ้มสุดท้ายบนดวงหน้าของลั่วเหยี่ยนหายวับไปโดยสิ้นเชิง
สีหน้าของเขาพลันเย็นเยียบขึ้นมาหลายส่วน แรงกดดันมหาศาลรุนแรงแผ่ออกจากตัวเขาไม่หยุด
“เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับข้าให้ได้เลยใช่หรือไม่?”
หรงซิวเพียงยิ้มมิตอบคำ ราวกับคร้านจะตอบคำถามนี้ก็มิปาน
ท่าทีเช่นนี้กระตุ้นต่อมโมโหของลั่วเหยี่ยนได้โดยมิต้องสงสัย!
“เจ้า…”
“ท่านอาลั่วเหยี่ยน!”
ยามเห็นว่าเขาใกล้หมดความอดทนเต็มที หนานอีอีจึงรีบรั้งแขนของเขาเอาไว้
“ท่านอาลั่วเหยี่ยน ครานี้มิใช่ว่าท่านมาเพื่อแก้แค้นให้ข้าหรอกหรือ? อย่าพุ่งเป้าผิดคนซีเจ้าคะ!”
ก่อนหน้านี้บอกไปแล้วมิใช่หรือไรว่าความขัดแย้งและปัญหาทั้งหมดล้วนเป็นซั่งกวนเยว่ผู้นั้นก่อขึ้นมา?
ลั่วเหยี่ยนมองนางด้วยท่าทีครุ่นคิดแวบหนึ่ง
หนานอีอีหลบสายตาด้วยรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
พวกหนานอวี่สิงที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างก็สบสายตากันอย่างอดไม่อยู่ ทุกคนล้วนแต่มีสีหน้าซับซ้อนยิ่ง
ความจริงแล้วหากสืบสาวราวเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วละก็ เห็นได้ชัดเลยว่าหรงซิวสมควรถูกหมายหัวมากกว่า
แต่ว่าหลังจากที่หนานอีอีเชิญลั่วเหยี่ยนมา กลับโยนความผิดทุกอย่างไปให้ซั่งกวนเยว่เสียอย่างนั้น
มาถึงขั้นนี้แล้ว ไฉนเลยพวกเขาจะดูเจตนาของหนานอีอีไม่ออกกัน?
ทว่าเรื่องราวดำเนินมาจนบัดนี้ จึงมิอาจพูดอันใดออกไปได้มาก
แต่ไหนแต่ไรมาลั่วเหยี่ยนก็รักใคร่เอ็นดูหนานอีอียิ่งกว่าอันใดดี ทั้งยังเชื่อทุกคำพูดของนางโดยมิคิดเฉลียวใจแม้แต่น้อย
หากพวกเขาพูดเรื่องพวกนี้ไปตอนนี้ จะไม่ยิ่งสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นหรือไร?
ดังนั้นพวกเขาจึงจำต้องเงียบปากไว้
เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของคนเหล่านี้แล้ว ลั่วเหยี่ยนก็เดาได้ในบัดดล
แม้เขาจะเอ็นดูหนานอีอีสุดใจ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไร้หัวคิด
แม้จะรู้สึกประหลาดแลแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่เขาไม่เห็นเคยหนานอีอีออกโรงปกป้องใครเช่นนี้มาก่อน
เจตนานี้ดูออกได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
ลั่วเหยี่ยนขมวดคิ้วเข้าหากัน
หนานอีอีเองก็ถึงวัยออกเรือนตั้งนานแล้ว แต่กลับมิเคยสนใจในเรื่องพวกนี้มาโดยตลอด
บัดนี้ นางกลับชมชอบคนผู้หนึ่งอย่างหาดูได้ยาก ทว่าอีกฝ่ายกลับเป็นหรงซิวเสียได้
เรื่องสถานะยังพอไปวัดไปวา แต่…
มีใครในอาณาจักรเสิ่นซวี่ไม่รู้บ้างว่าหรงซิวเลือกชายาด้วยตนเอง หมายหมั้นด้วยกันมาตั้งนานแล้ว?
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป เช่นนี้แล้วชื่อเสียงของนาง…
เดิมลั่วเหยี่ยนคิดเอ่ยวาจากับนางสักสองสามประโยค ทว่ายามเห็นท่าทีละอายใจของนางแล้วพลันรู้สึกใจเจ็บขึ้นมา คำพูดที่ติดอยู่ที่ปากกลับพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น
ไม่ว่าจะอย่างใด เด็กน้อยเติบใหญ่แล้ว อยู่ข้างนอกอย่างใดก็ควรจะไว้หน้ากันบ้าง
คำพูดพวกนี้… รอกลับไปก่อนค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย!
คิดมาถึงตรงนี้ สายตาของเขาพลันเข้มขึ้น ก่อนจะเบนมองมาทางฉู่หลิวเยว่
…
อันตรายนัก!
พริบตาที่เขากวาดสายตามองมา ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที! ทั่วทั้งร่างแข็งเกร็งในทันใด!
ต่อให้อีกฝ่ายไม่ได้พูดอันใด นางก็ยังคงสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเฉียบคมของอีกฝ่าย!
นี่เป็นสัมผัสที่หกที่นางฝึกฝนมาจนไวต่อประสาทถึงขนาดที่มิมีสิ่งใดเปรียบหลังจากต้องเผชิญหน้าระหว่างความเป็นความตายนับครั้งไม่ถ้วน!
คิ้วของฉู่หลิวเยว่กระตุกกึก ในใจปรากฏข้อคาดเดาและความคิดวิ่งผ่านนับไม่ถ้วน
ลั่วเหยี่ยนผู้นี้… เหมือนจะมุ่งเป้ามาที่นาง?
แค่เพราะว่านาง ‘รังแก’ หนานอีอีอย่างนั้นหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...