……….
สีหน้าของหนานอีอีสลับสีเขียวแดงกันไปมาน่าดูชมนัก
“เจ้า! เจ้าพูดจาบ้าบออันใดกัน!”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วราวกับประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
“ข้าพูดผิดไปหรือ? มิใช่ว่าก่อนหน้านี้ เจ้าบอกว่าตราบใดที่สวามีเฉดหัวข้าทิ้ง เจ้าก็จะ… หรือว่าข้าหูฝาดไปกันนะ?”
“เจ้า! เจ้า!”
หนานอีอีโมโหเสียจนแทบสติหลุดอยู่รอมร่อ
จะให้ท่านอาลั่วเหยี่ยนรู้เรื่องแบบนี้เข้าได้อย่างใดกัน!
ต่อหน้าเขาแล้ว นางเป็นเด็กดีรู้ความมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งยังเชื่อฟังคำพูดเขามาโดยตลอด
ถึงบางครั้งจะชอบทำตัวเหิมเกริมเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่เคยพูดจาก้าวร้าวต่อหน้าเขามาก่อน ทั้งยังไม่เคยทำอันใดที่เป็นการล่วงเกินไปด้วย
นางรู้ว่าท่านอาผู้นี้ของตนแม้จะดูหนุ่มแน่น แต่แท้จริงแล้วก็เป็นตาแก่คนหนึ่ง
ทัศนคติต่อหลายๆ เรื่องจึงมีความหัวโบราณอย่างมาก
ตอนนี้ซั่งกวนเยว่ดันมาทำความแตกต่อหน้าเขาอีก แล้วหลังจากนี้นางควรทำอย่างใดดีเล่า!?
เป็นอย่างที่คาดไว้ ลั่วเหยี่ยนปรายตามองนางด้วยสายตาเย็นเยียบลงไม่น้อย
“อีอี เจ้าเคยพูดแบบนั้นออกไปจริงหรือ?”
ในใจหนานอีอีสั่นระรัวเร็ว
นางได้ยินท่านอาลั่วเหยี่ยนใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดกับตนเองแทบนับครั้งได้ จึงพลันรู้สึกกังวลระคนหวาดกลัว ในใจตีรวนวุ่นวายไปหมดโดยแท้
“ข้า ข้าไม่เคยพูดนะเจ้าคะ!”
หนานอีอีกระบอกตาแดงก่ำ สีหน้าเปี่ยมล้นด้วยความรู้สึกผิดไม่สร่าง
“ท่านอาลั่วเหยี่ยน ท่านเลี้ยงดูข้ามาจนเติบใหญ่ ข้าจะเอ่ยวาจาเช่นนั้นออกมา ทำเรื่องพวกนั้นลงไปได้อย่างใดกัน? หรือว่าท่านเชื่อคนนอกผู้หนึ่งมากกว่าเชื่อข้าหรือเจ้าคะ?”
สายตาของลั่วเหยี่ยนวูบไหว
ที่หนานอีอีพูดมาก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผลเสียทีเดียว
หากอีกฝ่ายพูดเช่นนี้ด้วยมีเจตนาใส่ร้ายนางจริงๆ…
เขาตวัดสายตาไปมองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโดยพลัน
หนานอวี่สิงกล่าวอย่างลนลานว่า
“ใช่แล้ว! ท่านอาลั่วเหยี่ยน อีอีถูกกล่าวหาจริงๆ ขอรับ! แม้ปกตินางจะเอาแต่ใจไปบ้าง แต่นางก็ยังคงยึดถือหลักการในหลายๆ เรื่อง! นางไม่เคยพูดคำพวกนั้นออกมาแม้แต่นิดเดียวขอรับ เป็นซั่งกวนเยว่ที่กุเรื่องขึ้นมาทั้งนั้น!”
ลั่วเหยี่ยนจึงเบนสายตาไปมองพวกผู้อาวุโสอูเผิงทั้งสองท่าน
เห็นท่าทีของพวกเขาแล้ว ก็ดูราวกับโอนอ่อนตามเช่นกัน
เพลิงโทสะในใจของลั่วเหยี่ยนจึงอ่อนกำลังลงไปหลายส่วน
พอกวาดสายตามองไป พบว่าหนานอีอีจมูกกับตาแดงก่ำก็รู้สึกปวดใจเป็นอันมาก น้ำเสียงจึงอ่อนลงในท้ายที่สุด
“เอาล่ะ อาจะไม่เชื่อเจ้าได้อย่างใด? เลิกร้องได้แล้ว”
หนานอีอีพรูลมหายใจออกมาโดยพลัน สีหน้ากลับยังรู้สึกผิดอย่างมาก
“หลักคำสอนพวกนี้ท่านแม่เคยสั่งสอนข้ามาก่อนแล้วทั้งนั้น ข้าจะไม่ทำตามได้อย่างใดกัน? ท่านอาลั่วเหยี่ยน ท่านดูข้าผิดไปแล้วจริงๆ”
ได้ยินนางกล่าวถึงมารดา สีหน้าของลั่วเหยี่ยนพลันมืดครึ้ม สายตาที่มองนางยิ่งทวีความรักใคร่มากขึ้นไปอีก
เขาลูบศีรษะของหนานอีอีไปมา
“เอาล่ะ เป็นอาที่กล่าวหาเจ้าผิดไป วันนี้ต้องช่วยเจ้าคลายความโกรธ ไม่ยอมให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจเด็ดขาด หืม?”
หนานอีอีถึงได้ฉีกยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านอาดีกับข้าที่สุด!”
พูดจบ นางก็ทำทีว่าเผลอปรายตามองไปทางฉู่หลิวเยว่พลางแฝงด้วยแววเยาะเย้ยเต็มที่
วันนี้นางจะต้องลากซั่งกวนเยว่มาชดใช้คืนเป็นร้อยเท่าให้ได้!
…
ฉู่หลิวเยว่มองดูภาพตรงหน้าดูความตื่นตะลึงเสียจนเกือบปรบมืออย่างอดใจไม่ไหว
เคยเห็นเด็กถูกตามใจมาก็มาก แต่ไม่เห็นคนที่ถูกตามใจถึงขั้นนี้มาก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...