……….
เนื่องจากอยู่ห่างไกลกันเกินไป จึงไม่สามารถสัมผัสถึงกันได้ หรืออาจจะเป็นเพราะมีอันใดบางอย่างทำให้พวกนางขาดการติดต่อกันไป?
ฉู่หลิวเยว่ไม่รู้
นางเก็บโล่สีดำลง แต่ยังคงกำกระบี่ชื่อเซียวในมือแน่น
หลังจากยืนอยู่ที่เดิมสักพักหนึ่งและปรับลมปราณของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็สาวเท้าเดินขึ้นไปด้านหน้า
นางเลือกทิศทางแบบสุ่ม
ท้ายที่สุดแล้วภายในที่แห่งนี้นางก็ไม่สามารถหาจุดบอกตำแหน่งได้อย่างชัดเจน
แทนที่จะอยู่ที่เดิม เพื่ออาศัยความหวังอันริบหรี่ที่รอให้หรงซิวมาหา เช่นนั้นนางเป็นฝ่ายค้นหาพวกเขาเองจะดีกว่า
ต่อให้ผ่านไปสักพักแล้วนางก็ยังหาไม่เจอ แต่อย่างน้อยก็จะได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่แห่งนี้มากขึ้น
ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงเดินไปตามถนนด้านหน้าตามลำพัง
…
บนถนนสายนี้มีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ที่ปลายจมูก
ถ้าไม่ใช่เพราะนางอ่อนไหวต่อกลิ่นเหล่านี้มากเป็นพิเศษ บางทีอาจจะสัมผัสไม่ได้
แต่เสียดายที่นางไม่สามารถระบุได้ว่ากลิ่นนี้มาจากที่ใดกันแน่
เหมือนว่า…ภายในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นนี้
รอบข้างเงียบกริบ
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าและเสียงหัวใจเต้นของตนเอง
หลังจากผ่านไปสักพักนางก็ชะงักฝีเท้าแล้วมองตรงไปด้านหน้า
ในตอนนั้นเอง หลุมที่อยู่เหนือศีรษะของนางนั้นก็มีรอยแตกร้าวเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
และลำแสงที่ส่องเข้ามานั้นก็มีจำนวนมากขึ้น จนทำให้ฉู่หลิวเยว่มองเห็นได้ไกลมากกว่าเดิม
พื้นที่ด้านหน้ายังคงเป็นที่โล่งกว้างเช่นเดิม
แต่ทว่าหัวใจของฉู่หลิวเยว่กลับเต้นระรัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
เพราะว่า…
เสียงฉินที่นางได้ยินอยู่ตลอดนั้นได้จางหายไปอย่างกะทันหัน!
นางกำกระบี่ชื่อเซียวแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ภายในร่างกายเหมือนจะสูบฉีดเร็วขึ้น
นางอ้าปากค้างและพบว่าลำคอของตนเองแห้งผาก
“ตึก”
“ตึก”
“ตึก”
เสียงฝีเท้าของคนแปลกหน้าดังขึ้นท่ามกลางความมืดอย่างกะทันหัน
จังหวะการเดินนุ่มนวลเหมือนกับกำลังเดินเล่นอยู่อย่างใดอย่างนั้น
แต่ทุกฝีก้าวราวกับกำลังเหยียบย่ำหัวใจของฉู่หลิวเยว่
เหมือนว่านางจะสัมผัสอันใดได้บางอย่าง ร่างกายจึงตึงเกร็งขึ้นมาทันที
ในที่สุดเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของนาง!
ขณะเดียวกัน น้ำเสียงผ่อนคลายพร้อมรอยยิ้มก็กระทบเข้าที่โสตประสาทของนาง
“ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว”
…
อีกด้านหนึ่ง หลังจากหรงซิวติดตามฉู่หลิวเยว่เข้ามาติดๆ เขาก็ตกอยู่ท่ามกลางความมืด
แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นาน แสงสีขาวก็พาดผ่านตรงหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว
หัวใจของเขาสั่นสะท้าน ก่อนจะจ้องไปทางด้านหน้า
แสงสีขาวนั้น คาดไม่ถึงว่ามันจะแพร่กระจายอยู่ตรงหน้าเขาไม่ไกลกัน!
ต่อมาแสงนั้นก็ควบรวมตัวกันกลายเป็นกระจกบานใหญ่!
ทั่วทุกสารทิศเป็นสีดำเข้ม เมื่อมีกระจกบานนี้ปรากฏขึ้น ความดำมืดจึงถูกฉีกขาดในทันที
แสงจางๆ กระจายออกมาจากกระจกบานนั้น
กระจกบานนี้มีขนาดใหญ่มาก เพียงแค่มองครู่เดียวก็ไม่สามารถมองเห็นขนาดทั้งหมดของมันได้
ราวกับฝังตัวและหลอมรวมกับความมืดอย่างสมบูรณ์
มันตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าของหรงซิวอย่างเงียบเชียบ
รอบข้างเงียบงัน เหมือนกับว่าลมได้หยุดพัดไปแล้ว
หรงซิวเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย
เงาคนร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางกระจกบานนั้น
ใบหน้าเนียนใส โครงหน้ามีเสน่ห์ งดงาม
คิ้วกระบี่แหลมคม จมูกเป็นสัน ริมฝีปากบางเป็นสีแดงเข้ม
ไม่มีที่ใดที่พระเจ้าไม่ตั้งใจสรรสร้าง
ทุกสิ่งบนฟ้าดินล้วนต้องจืดจางเมื่อเปรียบเทียบกับเขา
เงาร่างที่สะท้อนก็คือ หรงซิว
ในขณะเดียวกันนั้นเองหรงซิวผู้นี้ ก็ไม่ได้เหมือนกับตัวจริงทุกประการ
หรงซิวสวมชุดสีขาวทั้งร่าง แววตาประกายอ่อนโยน ดูเปิดเผยจริงใจ สูงส่งงดงาม
แต่คนที่อยู่ในกระจกกลับสวมชุดสีดำทั้งร่าง ดวงตาหงส์ลึกล้ำ แรงคุกคามเข้มข้น กลิ่นคาวเลือดท่วมท้น!
ดังนั้นในตอนนี้พวกเขาจึงหาทางออกไปด้วย และพยายามติดต่อกับคนอื่นๆ ไปด้วย
…
ฉู่หลิวเยว่จ้องที่เงาร่างด้านหน้าตาเขม็ง
แทบจะในคราแรกที่ได้เห็น นางก็มั่นใจได้ว่า คนผู้นี้จะต้องเป็นคนที่นางเคย “เจอ” มาก่อนแน่นอน คนที่เล่นฉินคนนั้น!
แม้ว่าตอนนี้ระยะห่างของพวกนางจะใกล้กันมากขึ้นแล้ว แต่เงาร่างของอีกฝ่ายก็ยังปกคลุมด้วยเงาสีดำอยู่หนึ่งชั้น ดูขมุกขมัว ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
แม้กระทั่งอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย นางก็ยังดูไม่ออก
เพราะว่าน้ำเสียงนั้นไพเราะราวกับเสียงฉิน และเหมือนว่าจะดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ
น้ำเสียงแผ่วเบา แต่ก็ชวนฝันราวกับภาพมายา
เมื่อได้ยินเสียงนั้นนางก็รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก และทำให้ยากที่จะคาดเดา
ฉู่หลิวเยว่คิดว่าสถานการณ์นี้แปลกประหลาดอย่างมาก
ในตอนนี้นางไม่สามารถมองเห็นรูปร่างและหน้าตาของอีกฝ่าย แม้กระทั่งน้ำเสียงก็ยังไพเราะจนชวนฝัน ยากแยกแยะว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ
แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับพูดขึ้นเช่นนี้
เหมือนกับว่า…
เคยรู้จักกับนางมาก่อน อีกทั้งยังรอคอยนางอยู่เสมอ
ฉู่หลิวเยว่ถามหยั่งเชิงขึ้นว่า
“ท่าน…รู้จักข้าหรือ?”
คนผู้นั้นหัวเราะแล้วพูดว่า
“เจ้าถือเนื้อเพลงฉินของข้าอยู่ ดังนั้นข้าจึงรู้จักเจ้า”
เนื้อเพลงฉิน?
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป
“ข้า…ข้าเปล่า…”
ทันใดนั้นเหมือนกำลังคิดอันใดขึ้นมาได้ ความประหลาดใจจึงฉายชัดขึ้นในแววตา
ที่ตัวของนางกับเสียงฉินมีความเกี่ยวข้องกัน อาจจะเป็นเพราะมี…
ไข่มุกธาราเม็ดนั้น!
ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในสมอง ฉู่หลิวเยว่สังเกตเห็นว่าภายในตันเถียนมีระลอกคลื่นที่แปลกประหลาดปรากฏขึ้น!
คนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามยกมือขึ้นมา
ไข่มุกธาราเม็ดนั้นก็พุ่งออกมาจากร่างกายของนางในทันที!
……….

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...