……….
ฉู่หลิวเยว่ยื่นมือออกมาเช็ดคราบเลือดนั้นอย่างไม่ใส่ใจ
ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ได้ละสายตาไปจากเนื้อเพลงฉินแผ่นนั้นเลย
แม้ว่าจะเจ็บปวด แม้ว่าจะยากลำบาก แต่นางก็รู้ว่านี่คือเส้นทางที่นางเลือก
นางพูดไปแล้วก็จะต้องทำต่อไปให้ได้!
ในที่สุดนางก็อ่านกระดาษที่อยู่ในมือจนจบ
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก
นี่ก็ยังไม่ใช่
แต่ใบหน้าของนางไม่มีความผิดหวังเลยแม้แต่น้อย นางขยำกระดาษใบนั้น จากนั้นก็ทิ้งลงไปที่พื้น
ทันทีที่นางอ่านจบ แสงส่องประกายที่อยู่ด้านบนนั้นก็จางหายไป ตอนนี้มันนอนกองอยู่เงียบๆ ซึ่งไม่ได้ต่างอันใดจากขยะเลย
ฉู่หลิวเยว่ยื่นมือออกมาหยิบกระดาษแผ่นใหม่โดยไม่ลังเล จากนั้นก็อ่านต่อไป
ความจริงแล้วนางพลิกอ่านกระดาษทั้งหมดอย่างคร่าวๆ มาแล้วหนึ่งรอบ
ความหวังเดียวของนางในตอนนี้คือ สามารถอ่านได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
นางไม่อยากออกไปแล้วพบว่า เวลาด้านนอกได้ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว
ความคิดนี้ผ่านเข้ามาในสมองของนางเพียงครู่เดียว จากนั้นนางก็รีบระงับมันลงไปด้วยความรวดเร็ว!
เสียงฉินยังดังอย่างต่อเนื่อง!
การฝึกฝนยังคงไม่จบสิ้น!
…
“พี่ใหญ่? อาลั่วเหยี่ยน? ผู้อาวุโสอูเผิง? ผู้อาวุโสไป๋ถง?”
ภายในพื้นที่คับแคบและดำมืด ขาข้างหนึ่งของหนานอีอีก็อ่อนยวบ นางทรุดตัวคุกเข่า ตระกองกอดตนเองไว้
ความสิ้นหวังในส่วนลึกพวยพุ่งขึ้นมาในใจ แล้วค่อยๆ กลืนกินนางเข้าไป
ไม่มีเสียงตอบรับ
ยังคงไม่มีเสียงตอบรับเลย!
นางจำไม่ได้แล้วว่าตนเองอยู่ที่นี่มานานเท่าไร แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็ไม่สามารถหาทางออกจากที่นี่ไปได้
นางไม่รู้ว่านางตะโกนเรียกผู้อื่นไปแล้วกี่รอบ ลำคอของนางแหบแห้งไปหมดแล้ว แต่นางก็ยังไม่ได้รับคำตอบกลับใดๆ มา
เหมือนว่าที่นี่นอกจากนางแล้ว จะไม่มีคนอื่นอยู่เลย
รอบข้างเงียบสงัดจนน่ากลัว เงียบจนนางสามารถได้ยินเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจเต้นของตนเอง
ซึ่งทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
หาก…นางถูกกักขังอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต นางควรจะต้องทำอย่างใด?
นางยังไม่อยากตายนะ!
ในที่สุดหนานอีอีก็อดทนต่อไปไม่ได้แล้ว ก่อนจะสะอึกสะอื้นออกมาเสียงต่ำ
อีกทั้ง ความเคียดแค้นภายในใจของนางที่มีต่อฉู่หลิวเยว่ฝังลึกขึ้นหลายชั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะแม่นางคนนั้น นางจะมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างใด?
เดิมทีนางคิดว่าทุกอย่างจะราบรื่น แต่เมื่อมาเจอกับอีกฝ่าย นางก็ดวงซวยอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งในตอนนี้ ชีวิตของนางยังต้องแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว!
ไม่รู้ว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่แบบใด หลังจากที่ถูกกลืนกินมาที่นี่ นางก็ขาดการติดต่อกับคนอื่นทันที
แต่ประเด็นสำคัญกว่านั้น…แม้กระทั่งข้อความขอความช่วยเหลือนางก็ไม่สามารถส่งออกไปได้!
เกรงว่าตอนนี้ความหวังเดียวของนางก็คือท่านพ่อแล้ว!
แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น แม้กระทั่งนางเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถยืนหยัดต่อไปได้หรือไม่
นางร้องไห้มาได้สักพักหนึ่ง หนานอีอีก็รู้สึกเหนื่อยล้า จากนั้นก็นั่งลงที่พื้น
นางเพิ่งได้นั่งลง แต่นางก็สัมผัสได้ว่าที่ด้านล่างเหมือนมีอันใดบางอย่างอยู่
นางตกใจเป็นอย่างมาก กรีดร้องเสียงแหลมแล้วกระโดดตัวสะดุ้งโหยง!
“กรี๊ด…”
เมื่อเสียงกรีดร้องหวีดแหลมดังขึ้นในพื้นที่อันเงียบสงัดทำให้เกิดเสียงสะท้อน จึงทำให้น่ากลัวมากขึ้นเป็นพิเศษ
หนานอีอีรีบปิดปากของตนเองทันที พร้อมเบิกตากว้างมองพื้นอย่างตื่นตระหนก
หลังจากมองเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าสิ่งนั้นคืออันใด นางก็สูดลมหายใจเย็นๆ เข้าปอด และเบิกตากว้างขึ้นทันที
คาดไม่ถึงว่า…มันจะเป็นกระดูกท่อนหนึ่ง!
เพราะว่าโครงกระดูกส่วนใหญ่ถูกฝังอยู่ในพื้น อีกทั้งส่วนที่เผยออกมาก็เป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น เหมือนว่าตรงกลางจะถูกหักไป ดังนั้นหนานอีอีจึงไม่สามารถระบุได้ว่ากระดูกส่วนนี้เป็นส่วนใด
มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถมั่นใจได้ นี่จะต้องเป็นโครงกระดูกของผู้บำเพ็ญเพียรสักคนอย่างแน่นอน
อีกทั้ง…
โครงกระดูกนี้ขาวแวววาว แค่มองก็รู้แล้วว่าคนผู้นี้จะต้องมีระดับพลังไม่ต่ำต้อย
แต่หนานอีอีในตอนนี้จะสนใจเรื่องเหล่านั้นที่ไหนกัน?
นางจ้องมองโครงกระดูกนั้นตาเขม็ง ภายในใจสับสน ความคิดในสมองว้าวุ่นจนกลายเป็นแค่ก้อนแป้งเปียก
เพราะเมื่อครุ่นคิดแล้ว คนผู้นี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
“ในเมื่อเจ้าไม่เห็นค่าอยู่ในสายตา แล้วเหตุใดต้องขอร้องให้ช่วยเหลือด้วย?”
อีกฝ่ายเงียบไปสักพักหนึ่งแล้วพูดขึ้นมาว่า
“นั่นก็เป็นเพราะว่า…เจ้าช่วยข้าได้ เจ้าสามารถหยิบสิ่งที่ห้อยคอของเจ้าอยู่มาใช้การได้”
หัวใจของหนานอีอีเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง และเอามือกุมสร้อยที่อยู่บนคอโดยไม่รู้ตัว
ของสิ่งนี้มีเพียงพี่ใหญ่และท่านพ่อเท่านั้นที่รู้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถมองออกได้ในทันที?
เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่านางกำลังลังเลอยู่ เขาจึงพูดต่อว่า
“เจ้าก็รู้ว่า หากไม่มีการช่วยเหลือจากข้า ต่อให้เจ้าติดอยู่ที่นี่ร้อยปี เจ้าก็ไม่สามารถออกไปได้แน่นอน”
ในที่สุดคำพูดประโยคนี้ก็ทำให้หนานอีอีตัดสินใจได้
นางกัดฟันกรอด
“ได้! ข้าจะช่วยเจ้า! แต่ว่าเจ้าต้องสัญญามาก่อน และเจ้าจะต้องรักษาสัญญาให้ดี!”
เมื่อพูดจบนางก็ถอดสร้อยคล้องคอออกมา
เมื่อดูอย่างผิวเผินแล้วสร้อยเส้นนี้ก็ดูเหมือนเป็นสร้อยเงินธรรมดา หากมองอย่างละเอียดก็จะเห็นว่าสร้อยนี้ตกแต่งด้วยหินทับทิมขนาดเล็กเท่าเล็บมือ
สีแดงสดใส และบริสุทธิ์อย่างยิ่ง
ต่อให้คนธรรมดาทั่วไปมอง ก็จะคิดว่านี่เป็นเพียงจี้ทับทิมธรรมดาเท่านั้น
หนานอีอีวางทับทิมเม็ดนั้นลงบนกลางฝ่ามือ จากนั้นก็หลับตาลง
หลังจากผ่านไปสักพักก็มีสัญลักษณ์ปรากฏขึ้นที่กลางระหว่างคิ้วของนาง
ดาบสั้นเล่มหนึ่งลอยออกมาจากจี้ทับทิมอย่างกะทันหัน!
ทั่วทั้งร่างเป็นสีหิมะสว่าง แหลมคมอย่างยิ่ง!
หนานอีอีกำกระบี่สั้นแล้วแทงลงที่พื้นอย่างแรง!
บนพื้นมีร่องรอยลึก รอยหนึ่งปรากฏขึ้น!
แต่หนานอีอีก็ยังไม่หยุดการกระทำ
หลังจากผ่านไปสักพัก พื้นที่บริเวณโดยรอบโครงกระดูกขาวก็ถูกคลายออกจนหมด
พรึ่บ!
โครงกระดูกขาวพุ่งตัวขึ้นมาทันที!
……….

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...