……….
หนานอีอียังไม่ทันได้ตอบสนอง แต่กลับสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลที่พุ่งเข้ามา!
จากนั้นร่างกายของนางก็พุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างไม่สามารถควบคุมได้!
ตอนนั้นเองความมืดมิดตรงหน้าของนางก็มีลำแสงสีขาวตัดผ่าน!
นางหลับตาลงในทันที
ทันใดนั้นร่างของนางก็ล้มลงกระแทกพื้น!
…
ด้านนอกป่าวิญญาณสีชาด
ท่ามกลางความว่างเปล่า ทันใดนั้นก็มีระลอกคลื่นหลายสายปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเงาร่างหลายเงาก็เดินออกมาจากกึ่งกลาง!
คนแรกสวมชุดคลุมสีม่วงทั้งร่าง ใบหน้าตึงเครียด เขาคือประมุขแห่งตระกูลหนาน…หนานอีฝาน!
ด้านหลังของเขามีผู้อาวุโสสี่คนติดตามมา
ทันทีที่มาถึง หนานอีฝานก็กวาดสายตาโดยรอบอย่างรวดเร็ว พร้อมเลิกคิ้วกระบี่ขึ้น
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงลมปราณของหนานอีอีและคนอื่นๆ
หลังจากมองดูอยู่สักพัก เขาก็สาวเท้ามุ่งหน้าไปสถานที่แห่งหนึ่งของป่าวิญญาณสีชาด
“พวกเขาน่าจะเดินทางจากจุดนี้เพื่อเข้าไปในป่าวิญญาณสีชาด”
ผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่ด้านหลังรีบติดตามมา
เพราะพวกเขารู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงหนานอวี่สิงและหนานอีอี ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าพูดอันใดต่อหน้าหนานอีฝานมากนัก
อีกฝ่ายพูดอันใด เขาก็คล้อยตามนั้น
พวกเขาหลายคนรีบพุ่งตัวขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
อย่างใดก็ตามตอนที่หนานอีฝานและคนอื่นๆ กำลังจะเดินเข้าไป ทันใดนั้นเองด้านหลังของเขาก็มีระลอกคลื่นหนึ่งปรากฏขึ้น!
พวกเขารีบหันกลับไปมองทันที ขณะเดียวกันก็ตั้งแง่ระมัดระวัง…ในเวลานี้ยังจะมีใครมาที่สุสานสังหารเทพอีก?
อีกทั้งพวกเขายังเลือกมาอยู่ในตำแหน่งเดียวกันด้วย!
รอยแตกร้าวสีดำของมิติถูกฉีกออกในทันที!
จากนั้นเงาร่างทั้งสองก็เดินออกมา คนหนึ่งอยู่หน้าคนหนึ่งตามหลัง!
หลังจากที่เห็นใบหน้าของพวกเขาอย่างชัดเจนแล้ว หนานอีฝานก็ชะงักไปเล็กน้อย
นี่มัน…
ประมุขอี้เจากับผู้อาวุโสอี้อวี่ ผู้อาวุโสลำดับที่ห้าแห่งเผ่าหงส์ทองคำไม่ใช่หรือ?
เผ่าหงส์ทองคำแทบจะไม่ติดต่อกับพวกมนุษย์ไม่ใช่หรือ แต่ที่หนานอีฝานสามารถรู้เห็นฐานะของอีกฝ่ายได้ทันทีตั้งแต่สบตา นั่นก็เพราะว่าก่อนหน้านี้เคยมีวาสนาพบหน้าพวกเขามาก่อน
แม้ว่าจะได้เจอกันเพียงครู่เดียว แต่เขาก็ยังจำได้อย่างชัดเจน
ดังนั้นตอนนี้เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เขาจึงนึกออกได้ในทันที
หนานอีฝานถอนหายใจอย่างโล่งอกเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็มีคำถามเพิ่มขึ้นมาแทน
เหตุใดพวกเขาถึงมาที่แห่งนี้ได้?
ไม่ต้องพูดถึงผู้อาวุโสอี้อวี่เลย น้อยครั้งมากที่อี้เจาจะออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง
คาดไม่ถึงว่าวันนี้…เขาจะมาปรากฏตัวที่ด้านนอกของป่าวิญญาณสีชาดแห่งสุสานสังหารเทพ ความจริงแล้วเรื่องนี้ก็ทำให้ผู้คนคิดไม่ตกเลย
แต่ไม่ว่าในใจของเขาจะรู้สึกสงสัยมากเท่าใด ก็ยังต้องรักษาใบหน้าเอาไว้เช่นเดิม
หนานอีฝานรีบปรับสีหน้าของตนเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสาวเท้าก้าวขึ้นไปหนึ่งก้าว พร้อมประสานมือด้วยความเคารพ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ฮ่าๆ นี่มันประมุขอี้เจาไม่ใช่หรือ? ลมอันใดหอบท่านมาถึงที่นี่ได้?”
เมื่อเปรียบเทียบ “ความกระตือรือร้น” ของทั้งสองฝ่ายแล้ว ท่าทางของอี้เจาดูเหมือนจะเย็นชากว่ามาก
เขาเหลือบสายตามมามองหนานอีฝานเพียงเล็กน้อย ก็จะถอนสายตากลับไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าเขาไม่เห็นใครยืนอยู่ตรงนั้นเลย เขาหันหน้ากลับไปแล้วพูดกับผู้อาวุโสอี้อวี่ว่า
“พวกนางน่าจะเข้าไปจากทางนี้”
ผู้อาวุโสอี้อวี่พยักหน้า
ลมปราณของถวนจื่อ พวกเขาไม่มีทางจำผิดแน่นอน
เพียงแต่ว่า…เหตุใดถึงมาเจอคนของตระกูลหนานที่นี่ได้?
เขาเหลือบสายตาหันไปมอง แต่ไม่ได้ตอบรับคำพูดของหนานอีฝาน
…ล้อเล่นน่า ท่านประมุขไม่เคยไว้หน้าพวกมนุษย์อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้เกิดเรื่องกับถวนจื่อ ยิ่งต้องรีบเร่งทำเวลามากกว่าเดิม
เขายังจะมีแก่ใจมาทักทายหนานอีฝานอยู่หรือไง?
เมื่อเห็นท่าทีของอี้เจาและอี้อวี่ หนานอีฝานก็มีสีหน้าย่ำแย่อย่างมาก
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแข็งค้าง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้ว เขาก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้
หลายปีผ่านมาขนาดนี้ อสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลสองชนิด ต่อให้ดวงตาไม่ได้งอกกลางศีรษะ แต่ท่าทางของเขาก็หยิ่งผยองอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...