เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1712

………………..

ทันใดนั้นหนานอีอีก็หัวเราะขึ้นเสียงเย็น

คาดไม่ถึงว่าเขายังจะกล้าถามคำถามนี้ออกมาอีก?

“เจ้าสำนักหนาน ลูกศิษย์ที่รักของท่านทำเรื่องงามหน้าอันใดไว้ หรือว่าท่านยังไม่รู้อีกหรือ?”

ทำพันธสัญญากับหงส์ทองคำตัวหนึ่ง…นางอยากตายมากใช่หรือไม่?

หนานซู่ไหวได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย

เขาสามารถเดาออกว่าหนานอีอีกำลังหมายถึงอันใด แต่ว่า…

เรื่องนี้มันแก้ไขเสร็จสิ้นไปกันแล้วไม่ใช่หรือ?

หรงซิวส่งจดหมายมาบอกพวกเขาว่า นังหนูเยว่เออร์พาถวนจื่อออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน!

เขาจึงคิดมาตลอดว่าเรื่องนี้จัดการได้เรียบร้อยแล้ว

หรือว่า…จะเป็นเขาที่คาดเดาผิดพลาด?

อี้เจาพูดขึ้นเสียงเรียบ

“ข้ามาหาซั่งกวนเยว่กับถวนจื่อจริงๆ”

หัวใจของหนานซู่ไหวจมดิ่งไปเล็กน้อย

นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?

ถ้าผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย อี้เจาไม่มีทางยอมปล่อยคนออกมาแน่นอน อีกครั้งเขายังอนุญาตให้ถวนจื่อเดินทางออกมาพร้อมกันด้วย

แล้วตอนนี้เหตุใดถึง…

หนานซู่ไหวมองอีกฝ่ายด้วยความระมัดระวัง

สีหน้าของอี้เจา…ราบเรียบ ไม่สามารถคาดเดาอันใดได้

ในตอนนั้นเขาจึงรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย

สายตาของผู้อาวุโสอี้อวี่หันไปมองทางฉู่หนิง และมีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย

หนานซู่ไหวขมวดคิ้วขึ้น

มุมปากของผู้อาวุโสอี้อวี่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม จากนั้นก็เบนสายตาออกมา

ผู้ชายคนนี้จะต้องเป็นคนที่ซั่งกวนเยว่มาตามหาที่สุสานสังหารเทพแน่นอน

เมื่อฟังจากคำพูดของหนานอีอีเมื่อครู่นี้ ซั่งกวนเยว่เรียกขานอีกฝ่ายว่า “ท่านพ่อ” พวกเขาก็น่าจะมีความสัมพันธ์พ่อลูกกันละมั้ง

เขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับหนึ่ง แต่กลับมีอาณาเขตเทพเซียน…

หากเดาไม่ผิดแล้วละก็ เขาจะต้องมีร่างศักดิ์สิทธิ์อมตะแน่นอน

เดิมทีซั่งกวนเยว่ก็ทำให้ผู้คนประหลาดใจได้มากอยู่แล้ว คาดไม่ถึงว่าบิดาของนางผู้นี้ ก็จะไม่ธรรมดาเหมือนกัน

ครอบครัวนี้ช่าง…

เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสอี้อวี่ถอนสายตาออกไปแล้ว ทำให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาจะมาหาเรื่อง หนานซู่ไหวจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

เขาเหลือบสายตาไปมองฉู่หนิงที่อยู่ด้านข้าง ก็พบว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าราบเรียบ เหมือนว่าจะไม่ได้เก็บเรื่องราวเหล่านี้มาใส่ใจเลย

หนานซู่ไหวขยับเข้าไปใกล้อย่างอดไม่ได้ ก่อนจะถามขึ้นเสียงต่ำว่า

“ฉู่หนิง หรือว่าเจ้าจะไม่เป็นห่วงพวกนางเลยสักนิด?”

ฉู่หนิงชะงักไปเล็กน้อย

“เป็นห่วง? เป็นห่วงอันใด?”

หนานซู่ไหวสะอึกไป ก่อนจะเบี่ยงสายตาออกมา

“…สองคนนั้น คือประมุขและผู้อาวุโสลำดับที่ห้าแห่งเผ่าหงส์ทองคำนะ”

ฉู่หนิงพยักหน้า

“ข้ารู้แล้ว! แล้วอย่างใดเล่า?”

แล้วอย่างใดเล่า?

ไม่ใช่ว่าฉู่หนิงจะไม่รู้ว่านังหนูเยว่เออร์ทำพันธสัญญากับหงส์ทองคำตัวหนึ่งจะต้องมีปัญหาตามมามากมายเพียงใด?

“ถวนจื่อ ถวนจื่อน่ะ!”

ฉู่หนิงกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะมองท่าทางตื่นตระหนกของหนานซู่ไหว ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจอันใดบางอย่างขึ้นมา

“เจ้าสำนักหนาน หรือว่าท่านยังไม่รู้ว่า…”

ตู้ม!

เขายังพูดไม่ทันจบ เสียงปะทะกันของพลังที่รุนแรงก็ดังขึ้น!

ทุกคนหันกลับไปมองโดยพร้อมเพรียง จากนั้นก็มีเงาร่างสองร่างพุ่งตัวออกมาจากกำแพงสีดำ

เงาร่างที่อยู่ด้านหน้าเป็นภาพมายาของมนุษย์ รูปร่างโปร่งแสง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเพียงวิญญาณหนึ่งตน

ด้านหลังของเงาร่างผู้นั้น เป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางเคร่งขรึม จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พวยพุ่ง!

ซึ่งคนผู้นั้นก็คือซั่งกวนจิ้ง!

ดูจากท่าทางแล้ว คนทั้งสองกำลังต่อสู้ฆ่าฟันกันอยู่

อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าซั่งกวนจิ้งเป็นฝ่ายได้เปรียบ ลมปราณของวิญญาณตนนั้นแปรปรวนและท่าทางจะต้านทานเอาไว้ไม่ไหวแล้ว

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

ซั่งกวนจิ้งเป็นบรรพบุรุษของนังหนูเยว่เออร์ ดังนั้นพวกเราจะต้องปกป้องอย่างแน่นอน

หนานอีฝานได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเสียงเย็นออกมา

“เห็นได้ชัดว่านี่เป็นความผิดของซั่งกวนเยว่ คาดไม่ถึงว่าตอนนี้เจ้าสำนักหนานจะมาใส่ร้ายปรักปรำพวกเรา? แล้วโยนความผิดใส่ตัวลูกสาวของข้าเนี่ยนะ?”

หนานซู่ไหวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขารู้แล้วว่า หลังจากหนานอีอีออกมานางจะอธิบายให้กับคนเหล่านี้ฟังอย่างใด?

“อ่า?”

หนานซู่ไหวถามกลับหนึ่งประโยคด้วยความสนใจ

“หนานอีอีบอกว่านี่เป็นความผิดของนังหนูเยว่เออร์ของพวกเรางั้นหรือ?”

“ไม่จำเป็นต้องพูดถึงนาง ไม่ว่าใครที่มีสายตาเฉียบแหลมก็สามารถมองออกได้ทั้งนั้นว่ามันเกิดอันใดขึ้น!”

กลางหน้าอกของหนานอีฝานจะมีลาวาปะทุอยู่ภายในอย่างบ้าคลั่ง และเหมือนว่าอีกไม่นานมันจะพวยพุ่งออกมา!

หนานอวี่สิงกลายเป็นขยะไร้ค่า ผู้อาวุโสไป๋ถงเสียชีวิต หนานอีอีกับผู้อาวุโสอูเผิงบาดเจ็บสาหัส!

การเดินทางในครั้งนี้ทำให้พวกเขาขาดทุนย่อยยับ!

ความโกรธที่กักเก็บภายในท้องของหนานอีฝาน เขาเองไม่รู้ว่าจะต้องระบายออกไปที่ใด!

หนานซู่ไหวกลับไม่รู้สึกรู้สากับโทสะของเขาเลย

เขาหัวเราะออกมา

แน่นอนว่าหนานอีอีจะต้องเล่าเรื่องทุกอย่างออกมาทั้งหมดและบรรยายให้ฝ่ายของตนเองเป็นฝ่ายถูก

อีกทั้งหนานอีฝานก็รักและเอ็นดูนางเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเชื่อคำพูดของนางอย่างไม่สงสัย

หากไม่มีข้อพิสูจน์ที่มาหักล้างกันได้ ต่อให้คนรอบข้างพูดไปมากมายเท่าไรมันก็ไม่มีประโยชน์

เมื่อเห็นว่าหนานซู่ไหวไม่พูดไม่จา หนานอีฝานจึงคิดว่าเขารู้สึกผิดขึ้นมา และหัวเราะเสียงเย็นขึ้น

“เหตุใดหรือ เจ้าสำนักหนานไม่พูดต่อแล้วหรือไร? หากพวกเจ้ามั่นใจจริงๆ เหตุใดไม่ต่อสู้กันไปเลยล่ะ?”

หนานซู่ไหวหรี่ตาลงเล็กน้อย

ต่อสู้?

เกรงว่ามันจะเป็นเรื่องสร้างความวุ่นวายกันเท่านั้น!

หนานอีฝานก็ยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตนเองมากขึ้น เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นเสียงเย็น

“หากไม่กล้าสู้กันละก็ ก็ขอให้เจ้าสำนักหนานรีบหลบไปจะดีกว่า!”

ทันทีที่สิ้นเสียง เสียงเย็นชาราวกับก้อนหยกกระทบกันก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน…

“ข้าจะสู้กับเจ้าเอง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์