………………..
ความหมายไม่สามารถชัดเจนไปมากกว่านี้แล้ว
…แค่นี้ไม่เพียงพอ!
หนานอีฝานกำหมัดกรอด
เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ควรยั่วยุหรงซิว และเขาไม่สามารถผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงตั้งใจตบหน้าหนานอวี่สิงอย่างแรง
แต่ใครจะรู้เล่าว่าหรงซิวจะไม่รับน้ำใจนี้เลย
เขากัดฟันกรอด ไม่พูดอันใดออกมาอีก จากนั้นก็เดินไปที่ข้างกายของหนานอวี่สิง ก่อนจะดึงตัวเขาขึ้นมาแล้วตบอีกหนึ่งฝ่ามือ!
ครั้งนี้เป็นการตบหน้าโดยตรง
รุนแรง!
เสียงดัง!
หนานอวี่สิงยังไม่ทันได้ตอบสนอง สมองก็มึนงงไป ความเจ็บปวดแผ่ซ่านเข้าทั่วร่างกาย!
ตู้ม!
เขาหล่นกระแทกพื้นอย่างแรงอีกครั้ง พร้อมอาเจียนออกมาเป็นเลือด!
การโจมตีครั้งนี้เกือบทำให้หนานอวี่สิงเป็นลมสลบไป
หนานอีฝานชะงักไปเล็กน้อย
แต่หรงซิวที่อยู่ด้านหลังก็ไม่ได้พูดอันใดขึ้นมา
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ตบหน้าหนานอวี่สิงอีกหลายครั้ง
ครั้งนี้หนานอวี่สิงพูดอันใดไม่ออกจริงๆ หลังจากที่อาเจียนออกมาเป็นเลือด ในที่สุดตาดำของทั้งสองข้างก็เหลือกขึ้นบน และสลบไป
หนานอีฝานหลับตาลง
ภายในใจของเขาจะไม่เจ็บปวดไม่เสียใจได้อย่างใด?
“ประมุขตระกูลหนานไม่จำเป็นจะต้องทำเช่นนี้เลย ข้าไม่ใช่คนจิตใจคับแคบที่จะคิดเล็กคิดน้อยกับการโต้เถียงจากเขาเพียงครึ่งประโยค”
เลือดจุกอกหนานอีฝานแล้ว
ไม่คิดเล็กคิดน้อยหรือ?
หากเจ้าไม่คิดเล็กคิดน้อยแล้วเมื่อครู่นี้เหตุใดไม่พูดอันใดสักคำ!
หนานอวี่สิงถูกทำร้ายจนสลบไปแล้วถึงค่อยพูด!
แต่เขาไม่สามารถพูดคำเหล่านี้ออกไปได้โดยตรง
หนานอีฝานโยนหนานอวี่สิงลงพื้น!
“คำพูดของเขาทำให้โอรสสวรรค์ระคายหู ดังนั้นจึงต้องสั่งสอน จะว่าไปแล้วผู้เฒ่าอย่างข้าก็สั่งสอนจนไม่มีอันใดจะสอนแล้ว ถึง…ข้านั้นรู้สึกละอายใจจริงๆ”
เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของหนานอีฝานก็ยังมีโทสะประดับอยู่เล็กน้อย
ราวกับว่าอยากจะไปถีบซ้ำอีกสักครั้งสองครั้งถึงจะพอใจ
หรงซิวเหลือบสายตามองหนานอวี่สิงที่นอนอยู่บนพื้น ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“เช่นนั้นหมายความว่า หนานอวี่สิงก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของประมุขตระกูลหนานสินะ แต่ตอนนี้หยวนตันถูกทำลายไปแล้ว จนกลายเป็นขยะไร้ค่า เขาจะสามารถรับบทเรียนเช่นนี้จากประมุขตระกูลหนานได้อย่างใด?”
ขณะที่พูดเขาก็ยกคางขึ้น
“รีบเชิญผู้อาวุโสทั้งสองท่านมารักษาบาดแผลให้เขาเถอะ”
คำทุกถ้อยคำ ล้วนเป็นเหมือนดาบที่ทิ่มแทงหัวใจของหนานอีฝานอย่างแรง!
ใบหน้าของเขาซีดขาว สุดท้ายก็โบกมือขึ้นมา
ผู้อาวุโสทั้งสองท่านที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รีบเดินขึ้นมาในทันที
สภาพร่างกายของหนานอวี่สิงจึงดีขึ้นมาอย่างยากลำบาก ฝ่ามือที่ตบลงไปหลายครั้งนั้น ทำให้ความพยายามที่ทำไปก่อนหน้านี้สูญเปล่า
ในตอนนี้อาการของเขาก็แย่กว่าตอนแรกเสียอีก
หนานอีฝานหมุนตัวกลับมาแล้วมองหน้าหรงซิว
“โอรสสวรรค์ ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดอันใหญ่หลวง ตอนนี้ข้าได้สั่งสอนพวกเขาอย่างรุนแรงแล้ว เจ้าว่าเรื่องนี้…สามารถปล่อยผ่านไปได้หรือไม่?”
ตอนนี้ทุกคนสามารถมองออกว่า หนานอีฝานกำลังอ้อนวอนขอร้องให้ไว้ชีวิต
ผู้อาวุโสอี้อวี่หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงต่ำว่า
“สนุกจริงๆ เลย…”
แม้ว่าพระราชวังเมฆาสวรรค์จะเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลหนานแล้ว ก็ยังด้อยกว่าหนึ่งขั้น
ตามหลักการแล้ว เมื่อหรงซิวเผชิญหน้ากับหนานอีฝาน หรงซิวน่าจะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ
แต่ความจริงมันกลับเป็นเรื่องตรงกันข้าม
ไม่รู้จริงๆ ว่าหนานอีฝานผู้นี้กำลังหวาดกลัวอันใดอยู่กันแน่?
หรือว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเคยดูถูกหรงซิวมาก่อน?
อี้เจาเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง เมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอันใดออกมา
ความจริงแล้ว ภายในใจของเขาก็กำลังครุ่นคิดถึงปัญหานี้เช่นกัน
บางที…พวกเขาอาจจะไม่รู้อันใดเกี่ยวกับหรงซิวเลยก็ได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...