………………..
ผู้อาวุโสอี้อวี่ได้ยินดังนั้นก็เกือบจะหัวเราะออกมา
หนานอีอีผู้นั้นบ้าไปแล้วจริงๆ ด้วย ความตายกำลังคืบคลานเข้ามา คาดไม่ถึงว่าจะยังกล้าพูดจาแบบนี้ออกมาอีก?
นางกลัวว่าตนเองจะไม่ตายจริงๆ หรือ!
สถานการณ์ในตอนนี้ ตระกูลหนานเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง
หนานอีอีจะต้องเห็นพวกเขาเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่สามารถช่วยชีวิตพวกนางเอาไว้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งยังหวังว่าพวกเขาจะลงมือช่วยเหลือพวกนาง
แต่นางไม่ได้คิดเลยว่า ต่อให้พวกเขามาหาเรื่องซั่งกวนเยว่จริงๆ แต่นางมีความสัมพันธ์อันใดเกี่ยวข้องด้วยล่ะ?
หรงซิวต้องการจะตัดลิ้นของนาง พวกเขาก็คร้านที่จะใส่ใจ
อี้เจาขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ในที่สุดใบหน้าก็มีความหงุดหงิดเผยออกมา
หนานอีอีคิดว่าตนเองสามารถพูดกระตุ้นอีกฝ่ายได้แล้ว ในขณะที่ความสุขกำลังไหลท่วมท้นเข้ามาในใจ นางก็ได้ยินเสียงหรงซิวหัวเราะขึ้นมา พร้อมถามว่า
“ประมุขอี้เจา ท่านจะช่วยเหลือพวกเขาหรือไม่?”
อี้เจาพูดออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา
“พวกเขาจะเป็นหรือตายเกี่ยวอันใดกับข้าด้วย?”
ก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกรำคาญมากอยู่แล้ว เป็นเพราะหนานอีอีเอาแต่พูดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา และเขารู้สึกว่ามันหนวกหูเกินไป
หรงซิวพยักหน้า รอยยิ้มก็เพิ่มขึ้นมาสามส่วน
“ขอบคุณประมุขอี้เจาที่เข้าใจ”
ทั้งสองคนพูดคุยกันเพียงสองสามประโยค ก็สามารถสรุปผลลัพธ์ออกมาได้แล้ว
คนหนึ่งคร้านจะใส่ใจ ส่วนอีกคนหนึ่งหมายจะเอาชีวิต!
หนานอีอีเหมือนตกลงในถังน้ำแข็ง!
“ประมุขอี้เจา หรือว่าท่านไม่รังเกียจสักนิดเลยหรือ ซั่งกวนเยว่ผู้นั้นลอบทำพันธสัญญากับหงส์ทองคำนะเจ้าคะ? แม้ว่าสายเลือดของเผ่าหงส์ทองคำจะมัวหมอง ท่านก็จะไม่ใส่ใจสักนิดเลยหรือ?”
สายตาของอี้เจาเย็นชาลงหนึ่งส่วน ในตอนที่เขากำลังจะเอ่ยปาก เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงอันใดบางอย่าง เขาจึงเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ฟิ้ว…
กระแสเสียงหนึ่งดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ทุกคนจึงหันกลับไปมองโดยพร้อมเพียง จากนั้นก็พบว่าบริเวณโดยรอบกำแพงสีดำนั้นมีพลังแห่งสวรรค์และโลกพวยพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ถ่ายเทลงไปในสัญลักษณ์ลึกลับขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง!
ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน เดิมทีท้องฟ้าจะต้องสว่างสดใส แต่มันกลับมืดครึ้มอย่างรวดเร็ว
เมฆดำรวมตัวเป็นชั้นสลับซับซ้อน
เมฆหนาทึบบดบังแสงอาทิตย์ ทุกสิ่งทุกอย่างบนฟ้าดินเหมือนถูกปกคลุมด้วยเงาดำหนึ่งชั้น
มีเพียงแค่สัญลักษณ์บนกำแพงสีดำเท่านั้นที่ส่องสว่างพร่างพราวมากขึ้นเรื่อยๆ!
หลังจากนั้นแสงสีดำที่อยู่กำแพงก็ค่อยๆ จางหายไปโดยมีสัญลักษณ์เป็นศูนย์กลาง!
เดิมทีก้อนหินหนาก้อนนี้มีสีอื่นแซมอยู่เล็กน้อย แต่ในตอนนี้กำลังโปร่งแสงขึ้นพร้อมเรืองแสงด้วยผนึกใส
อีกทั้งในตอนนี้สัญลักษณ์นั้นก็เริ่มมีสีสันสว่างสดใสเพิ่มขึ้นมา!
ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก โดยไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองอย่างใดกับเรื่องเหล่านี้ดี
กำแพงแห่งนี้อยู่ในสุสานสังหารเทพมาเป็นหมื่นปีแล้ว แต่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง
มันล้ำลึกและหนักหนาอยู่เสมอ
หินทุกก้อนที่กองอยู่ด้านหน้าล้วนเคยถูกแกะสลักมาทั้งหมด มันผ่านโลกมาเป็นเวลานานและไม่สามารถแตะต้องได้
แต่อย่างใดก็ตามในตอนนี้พวกมันได้แปรเปลี่ยนสภาพไปแล้ว!
ทุกคนสามารถมองเห็นร่องรอยที่อยู่ด้านบนได้เช่นเดิม ในตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่หายไป…สีดำเข้มที่อยู่บนนั้นมันจางหายไปแล้ว!
ทันใดนั้นเองก็มีเงาร่างเพรียวระหงปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของสัญลักษณ์นั้น…
ถ้าแม่นางสวมชุดแดงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่นั้นไม่ใช่เยว่เออร์แล้วจะเป็นใครได้?
ในตอนนั้นนางกำลังนั่งสมาธิอย่างเงียบเชียบและเพ่งความสนใจไปยังแผ่นกระดาษโปร่งแสงที่อยู่ในมือ
ผมสีดำขลับของนางห้อยปล่อยลงมา ใบหน้าด้านข้างงดงามและสงบนิ่ง
บนร่างกายของนางเหมือนจะมีพลังอันใดบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ห่อหุ้มเอาไว้อยู่ และสามารถตัดขาดจากเสียงภายนอกได้ทั้งหมด
ทุกคนต่างหันกลับไปมอง ในตอนนั้นเองฉู่หลิวเยว่เหมือนถูกขังอยู่ในพื้นที่โปร่งแสงขนาดใหญ่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...