………………..
อย่างเช่นจื่อเฉิน เขาอาจจะสามารถใช้แค่กระดูกส่วนปีกสองข้างของไท่ซวีเฟิ่งหลงสร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่ และสามารถทำให้ความแข็งแกร่งของตนเองเพิ่มขึ้นได้
แต่ไท่ซวีเฟิ่งหลงนั้นไม่เหมือนกัน
ไท่ซวีเฟิ่งหลงเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาล มีพลังแห่งสายเลือดที่สูงที่สุดบนโลกใบนี้
หากยืมใช้กระดูกของสัตว์อสูรชนิดอื่น เกรงว่ายังไม่ทันได้ทำอะไร กระดูกส่วนนั้นก็ไม่สามารถทนรับแรงกดดันและแตกสลายเป็นเสี่ยงไปแล้ว
มีเพียงอย่างเดียวที่สามารถต้านทานได้ก็คือหงส์ทองคำ แต่โครงสร้างกระดูกและเส้นเลือดนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลย
และเพราะโหมวเจินรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงไม่เคยหวังกับเรื่องเหล่านี้มาก่อน
แต่หรงซิวกลับพูดขึ้นว่า
“ท่านคงลืมไปเรื่องหนึ่ง ภายในร่างกายของจื่อเฉินได้ผสานเข้ากับปีกสองข้างเท่านั้น แต่ยังเหลือกระดูกส่วนอื่นๆ อยู่ และกระดูกทั้งหมดนี้ยังอยู่ในมือของเยว่เอ๋อร์”
โหมวเจินรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็หันมองทางฉู่หลิวเยว่
“เจ้ามีโครงกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงทั้งร่างอย่างนั้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอออกมาหนึ่งเสียง
แม้ว่านางจะได้รับชัยชนะจากการพนันอย่างเปิดเผย แต่ท้ายที่สุดแล้วโหมวเจินก็เป็นไท่ซวีเฟิ่งหลง
เมื่อต้องพูดเรื่องเหล่านี้ต่อหน้าเขา นางก็ยังคงรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย
แต่สุดท้ายแล้วนางก็ต้องกัดฟันเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นออกมา
คิดไม่ถึงว่า หลังจากโหมวเจินได้ฟังจนจบ เขากลับไม่ได้ระเบิดโทสะออกมาเลย แต่กลับใช้สายตาสำรวจฉู่หลิวเยว่ด้วยความประหลาดใจ
“…มิน่าล่ะเหตุใดหงส์ทองคำกับอินทรีสามตาถึงทำพันธสัญญากับเจ้า…เหมือนว่าเจ้าจะมีฝีมืออยู่จริงๆ”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
โหมวเจินโบกมือ
“เรื่องนี้มีอันใดให้น่าโกรธกัน ถ้าจะโกรธก็ต้องโกรธโหมวเหยาผู้นั้น!”
แต่ถ้าพูดตามหลักเหตุผลแล้ว สาเหตุที่เรื่องเหล่านั้นวุ่นวายจนถึงขั้นนี้ ต้องโทษที่โหมวเหยา
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาประมาทเลินเล่อ ในตอนนั้นฉู่หลิวเยว่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร นางไม่สามารถเอาชนะเขาได้เลย
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเย่อหยิ่งจองหองมากเกินไป เขาก็ไม่ถูกหลอกแบบนี้แน่
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็อายุมากขนาดนี้แล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้อาวุโสของเผ่า คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีสมองเลย!
จากท่าทางของโหมวเจินทำให้ฉู่หลิวเยว่ทั้งลอบถอนหายใจออกมา
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โหมวเจินก็มีเหตุผลมากกว่าโหมวหยางและโหมวเหยา และสามารถเจรจาได้ง่ายกว่า
“พวกเจ้าอยากจะให้ข้าใช้กระดูกส่วนนั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น โหมวเจินก็สามารถคาดเดาความคิดของหรงซิวได้
หรงซิวพยักหน้า
“แม้ว่าจะขาดปีกทั้งสองไป แต่โครงสร้างกระดูกโดยรวมยังอยู่ครบ และพลังแห่งสายเลือดอาจจะถูกดูดไปจนหมดสิ้นแล้ว แต่ก็ยังมีพลังแห่งสายเลือดส่วนหนึ่งที่ท่านทิ้งเอาไว้ในยอดเขาสัตตบงกช ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้พอดี หากเป็นเช่นนี้ ปัญหาใหญ่ๆ ก็ได้รับการแก้ไขแล้ว แน่นอนว่าระดับของกระดูกนี้ไม่สามารถเทียบเท่ากับของเดิมของท่านได้ หลังจากที่สร้างกายเนื้อได้ใหม่แล้ว เกรงว่าความแข็งแกร่งของท่านอาจจะลดลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว”
หรงซิววิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียอย่างชาญฉลาดและเป็นกลาง อีกทั้งยังอธิบายให้โหมวเจินฟังอย่างชัดเจน
โดยสรุปแล้ว มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้กลับทำให้โหมวเจินรู้สึกตกใจขึ้นมา!
เขาพูดว่าตนเองไม่มีกายเนื้อ แต่…เหตุใดเขาไม่เคยนึกถึงจุดนี้มาก่อนเลย?
เขาถูกขังอยู่ที่นี่มานานแรมปี เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองมีชีวิตอยู่มาได้อย่างไร!
อ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว เดียวดาย…
เขาอยากจะออกไปจากที่นี่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...