………………..
ทว่าในตอนนั้นเอง คล้อยหลังฉู่หลิวเยว่พลันมีแรงกดดันรุนแรงแข็งกร้าวแผ่ขยายตามมา!
นางลอบตื่นตระหนกในใจ พลันสัมผัสได้ถึงอันใดบางอย่าง
แขนแข็งแรงดุจโลหะรวบเอวนางเข้าอ้อมแขน กลิ่นหอมเย็นผสมปนเปกับกลิ่นขมฝาดของยาเข้าปกคลุมตัวนางอย่างเงียบเชียบ
สภาพจิตใจของฉู่หลิวเยว่ที่แต่เดิมตึงเครียดผ่อนคลายลงในฉับพลัน
นางหันศีรษะกลับไปมอง พบว่าหรงซิวมายืนอยู่เบื้องหลังนางตั้งแต่เมื่อใดก็มิทราบได้
นางเหลือบสายตาจดจ้องไปยังหรงซิว
จากนั้น นางก็รู้สึกตกตะลึง
บนดวงหน้างามหมดจดกลับไม่มีแววอ่อนล้าซีดเซียวแม้แต่ครึ่งเสี้ยว
นัยน์ตาหงส์ฉายแววลึกล้ำ สีหน้าผ่อนคลายสบายใจยิ่ง
“เจ้า…“
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ มิรู้ว่าควรเอ่ยปากพูดอันใดออกไปดี
ช่วยไท่ซวีเฟิ่งหลงหลอมกายเนื้อขึ้นใหม่เป็นเรื่องยากเย็นเพียงใดสุดจะรู้
ทว่าพอดูหรงซิวแล้ว เขากลับมิได้รับผลกระทบที่ว่าเลยแม้สักเสี้ยว
ชั่วพริบตาหนึ่ง ในหัวฉู่หลิวเยว่ถึงขั้นเผลอคิดไปชั่วขณะว่า เรื่องนี้เหมือนเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ สำหรับหรงซิวเท่านั้น
เห็นนางตะลึงงัน มุมปากหรงซิวพลันกระตุกเบาบาง เขาผงกศีรษะน้อยๆ จูบลงหว่างคิ้วนาง แววตาแฝงด้วยประกายรักใคร่เหลือคณา
“ลำบากเยว่เออร์แล้ว”
แม้เขาจะยุ่งวุ่นวายกับฝั่งนั้นอยู่ตลอด แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นฟากนี้ เขาล้วนรับรู้ได้ทั้งสิ้น
ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะโดยไม่รู้ตัว
“สามีข้า ข้าต้องปกป้องอยู่แล้ว”
สุ้มเสียงกัมปนาทจากการปะทะดังก้องแว่วขึ้นทางด้านหลัง
เป็นไท่ซวีเฟิ่งหลงที่สะบัดหางด้วนของมันอย่างแรงชนเข้ากับค่ายกลสีทองอร่ามอย่างจัง!
ประกายแสงที่เคลื่อนผ่านวูบไหวอยู่เหนือค่ายกล พร้อมด้วยแรงกดดันมหาศาลท่วมท้น!
เข้าสกัดกั้นหางด้วนๆ นั่นไว้ด้านนอกได้อย่างง่ายดาย กระทั่งกระแสคลื่นก็มิอาจผ่านเข้ามา!
ในใจฉู่หลิวเยว่กระตุกวูบ นางชะโงกมองข้ามไหล่หรงซิวเพื่อดูเบื้องหลังเขา
เงาร่างสูงใหญ่กำยำร่างหนึ่งปรากฏตัวข้างทะเลสาบตั้งแต่เมื่อใดมิอาจทราบได้
เงาร่างที่ว่าเป็นบุรุษอายุอานามประมาณสี่สิบ สวมชุดคลุมยาวสีดำเจือแดง มีใบหน้าเหลี่ยม สองตาทอแววลึกล้ำดั่งประดับด้วยทะเลดาว มิอาจมองนัยแฝงได้ชัดเจน
ทั่วทั้งร่างของเขาเผยให้เห็นท่าทางน่าเกรงขามเปี่ยมด้วยพลังอันเหนือคำบรรยาย!
ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวคือตำแหน่งแขนทั้งสองข้างกลับว่างเปล่า
นั่นเป็นเพราะกระดูกส่วนปีกทั้งสองข้างนี้หลอมรวมเข้ากับภายในร่างของจื่อเฉินเป็นที่เรียบร้อยตั้งนานแล้ว
ถึงกระนั้น แม้เป็นเช่นนี้ การที่เขายืนอยู่ที่นี่ก็มิได้ลดแรงกดดันมหาศาลที่แผ่ออกมาแต่อย่างใด!
มีบางคนที่ถูกชี้ชะตาแต่กำเนิดว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งและสูงส่งที่สุด
โหมวเจิน…ก็คือคนประเภทที่ว่านี้!
ลำพังแค่ท่าทางการวางตัวก็ก้าวข้ามโหมวหยางไปแล้วหลายเท่าตัว!
ชั่วขณะนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็เข้าใจขึ้นมาโดยพลันว่าเหตุใดครานั้นโหมวหยางถึงกักเก็บความเกลียดชังต่อโหมวเจินได้ลึกล้ำปานนั้น ถึงขนาดใช้อุบายหลายเล่ห์กลสุดตัว ยอมทุ่มหมดหน้าตักก็เพื่อกำจัดเขาออกไป
…มีคนเช่นนี้อยู่ ก็ไม่มีวันที่เขาจะเผยอขึ้นมาเทียบเคียงโหมวเจินได้!
ทว่าน่าเสียดายนัก สุดท้ายแล้วแผนที่คิดคำนวณมาอย่างดีของโหมวหยางก็เดินหมากพลาดไปก้าวหนึ่ง
จะอย่างใดเขาก็คิดไม่ถึงว่าโหมวเจินที่เขาคิดว่าจัดการไปนานแล้วจะยังมีชีวิตอยู่!
ในตอนนั้นเอง หลังถูกค่ายกลขวางกั้นเอาไว้ ไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวนั้นเองก็มองมาทางนี้ด้วยท่าทีแข็งขืนเช่นกัน!
“โหมวหยาง! ไม่เจอกันเสียนาน สบายดีหรือไม่เล่า!”
…
ในใจโหมวหยางพลันตะลึงงัน เขาถอยหลังไปหลายก้าวด้วยคุมตัวเองไม่อยู่ สองตาเบิกกว้างจดจ้องไปยังเสามังกรเคลื่อนเบื้องหน้าด้วยไม่เชื่อในสายตา!
ผู้อาวุโสท่านอื่นเองก็ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายที่เขาก่อทางฟากนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ การล่าปีศาจจึงตกอยู่ในความระส่ำระสายไม่มั่นคง
บรรดาผู้อาวุโสล้วนได้ยินสุ้มเสียงนั้นเช่นเดียวกัน ครั้นมองเห็นปฏิกิริยาอันผิดธรรมดาถึงที่สุดของโหมวหยางแล้ว ในใจพลันบังเกิดความสงสัยขึ้นมาเต็มอก
“นั่นมัน… ใครกำลังพูดอยู่กัน? ฟังแล้วดูไม่ใช่หรงซิวกับซั่งกวนเยว่เลยหนา”
ที่สำคัญยิ่งกว่าคือคนผู้นั้นตะโกนชื่อประมุขโหมวหยางออกมาตรงๆ ทั้งยังพูดว่า…สบายดีหรือไม่ด้วย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...