………………..
โหมวฝูซานพยักหน้า ก่อนจะสาวเท้ามาข้างหน้าก้าวหนึ่ง แล้วหันมองโหมวเจิน
นัยน์ตาลึกล้ำของเขาที่เผชิญความเปลี่ยนแปลงของชีวิตมานับครั้งไม่ถ้วนราวกับมีบางอย่างกระเพื่อมถาโถมอยู่ภายใน สีหน้าเองก็ซับซ้อนอยู่หลายส่วน
ครานั้น เขาคาดหวังในตัวโหมวเจินเป็นพิเศษจริงๆ ทั้งยังนิยมชมชอบเขาอย่างยิ่งยวด
มากเสียจนตอนที่เขาได้ยินข่าวโหมวเจินสังหารคนในเผ่าเจ็ดชีวิต เขาไม่คิดเชื่อข่าวนั้นแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นเคยขอร้องให้ละเว้นเขา หวังว่าท่านประมุขในตอนนั้นก็สืบสาวเรื่องราวทั้งหมดจนกระจ่างได้
น่าเสียดายที่ภายหลังน้ำลดตอผุด เรื่องราวทุกอย่างล้วนพิสูจน์ว่าโหมวเจินมีความผิดจริง
เขาเศร้าโศกอยู่นานทีเดียว
ไม่ใช่แค่เพียงโหมวเจินเท่านั้น แต่ยังโศกเศร้าเพื่อเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงด้วย
เพราะโหมวเจินเป็นอัจฉริยะที่ได้รับการจดจำ พวกเขาต่างฝากความหวังไว้ในตัวเขาสูง ด้วยหวังว่าเขาจะสามารถนำพาเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงไปสู่ความรุ่งเรืองยิ่งขึ้น
น่าเสียดาย…
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนกลายเป็นฟองภาพมายา
ใครจะรู้ได้ว่าผ่านมาหลายพันปี วันนี้จะกลับมาเจอโหมวเจินอีก!?
“โหมวเจิน เรื่องที่เจ้าพูดเมื่อครู่ มีหลักฐานอันใดหรือไม่?”
โหมวฝูซานถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
โหมวเจินหัวเราะ ตอบอย่างใจเย็นว่า
“ไม่มี”
ฝูงชนพลันเงียบกริบในบัดดล จากนั้นไม่นานก็ส่งเสียงกระหึ่มอื้ออึง!
ไม่มี?
สีหน้าของโหมวฝูซานเองก็เย็นเยียบลงหลายส่วน
“โหมวเจิน พูดจาอันใดก็ควรคำนึงถึงหลักฐาน หากเจ้าไม่มีหลักฐาน ก็แปลว่าเรื่องเมื่อครู่ที่เจ้าพูดออกมาทั้งหมดล้วนแต่เป็นคำกล่าวหาลอยๆ ทั้งนั้น?”
แววตาของโหมวหยางทอประกายเยาะเย้ยเหยียดหยาม
ตอนนี้ไม่ต้องให้เขาพูดอันใดต่อ วิธีการของโหมวเจินก็ยั่วโมโหคนได้ไม่น้อยแล้ว
รนหาที่ตายด้วยตัวเอง ช่างน่าสิ้นหวังเสียจริง!
สีหน้าโหมวเจินกลับไม่เปลี่ยน ยังคงเปิดเผยดังเดิม
ครานั้นเพื่อปิดประตูตาของเขา โหมวหยางจึงทำลายหลักฐานทุกอย่างทิ้งไม่เหลือซาก
ตอนนั้นเขาเองมิอาจหาเบาะแสอันใดได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลยด้วยซ้ำ?
“ย่อมไม่ใช่คำกล่าวหาลอยๆ”
โหมวเจินกล่าว
“ที่ข้าพูดไปทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องจริง”
โหมวหยางแค่นยิ้ม
“ในเมื่อไม่มีหลักฐาน ทุกคนจะเชื่อเจ้าได้อย่างใด? หรือแค่เพราะเจ้าพูดว่ามันจริง มันก็จะเป็นเรื่องจริงให้เจ้า?”
ใต้หล้านี้ไหนเลยจะมีเรื่องราวดีๆ เช่นนั้น!
ตอนนั้นเอง บรรดาฝูงชนก็ทยอยโต้กลับไปบ้าง
“นั่นน่ะซี! ไม่มีหลักฐาน แล้วจะทำให้คนเชื่อได้อย่างใด?”
“ก่อนหน้านี้เห็นเขามีทีท่ามั่นอกมั่นใจนัก ข้ายังคิดอยู่เลยว่าเขาจะมีหลักฐานเพียงพอจริงๆ! ใครจะรู้ ลมปากน่ะพูดอันใดออกมาก็ได้หมดทั้งนั้น!”
“ใช่แล้ว! ไม่ใช่ว่าเรื่องที่เขาพูดจะเป็นจริงเสียหน่อย!”
“คนที่ทำเรื่องสิ้นสติในครานั้นออกมาได้ก็เชื่อถืออันใดไม่ได้อยู่แล้ว! ข้าว่าท่านประมุขน่าจะฆ่าเขาให้ตายๆ ไปซะ! ขืนถามต่อไป มีแต่จะเสียแรงเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์!”
ฉู่หลิวเยว่ที่เห็นและได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากันน้อยๆ
เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงตั้งแต่หนุ่มยันแก่นี่จงเกลียดจงชังโหมวเจินไม่เบา
คิดจะพลิกกระดาน เกรงว่าคงไม่ง่ายแบบนั้น
ราวกับล่วงรู้ความคิดนาง หรงซิวกุมมือของนางเอาไว้ ใช้ปลายนิ้วลูบไล้หลังมือนางเบาๆ แล้วเอ่ยเสียงต่ำว่า
“เวลากว่าพันปียาวนานนัก เดิมทีจะให้พวกเขาเปลี่ยนความคิดที่ส่งต่อกันมานมนานก็มิใช่เรื่องง่าย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...