………………..
แผ่นหลังของฉู่หลิวเยว่แข็งทื่อ ก่อนจะหันมองไปทางหรงซิวโดยไม่รู้ตัว
หรงซิวเลิกคิ้วกระบี่ขึ้นน้อยๆ
แม้เขาไม่พูดอันใด แต่ฉู่หลิวเยว่ก็เข้าใจถึงความหมายที่เขาจะสื่อ
คงไม่พ้นเพราะคำว่า “ชอบที่สุด” เมื่อครู่เป็นแน่
ฉู่หลิวเยว่พลันปวดหัวขึ้นมาไม่น้อย
ถวนจื่อคือหงส์ทองคำ คือสัตว์อสูรในพันธสัญญาของนาง!
จะไปมีอันใดให้ชิงดีชิงเด่นกัน?
สถานการณ์ตรงหน้าซับซ้อนปานนี้ พวกเขากลับมาเกี่ยงงอนกันเพราะเรื่องนี้…
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกละเหี่ยใจยิ่งนัก
นางนั้นรู้ดีอยู่แก่ใจ
กล่อมเด็กน้อยว่ายากแล้ว
กล่อมบุรุษเองก็ยากพอกัน!
นางกระแอมไอคราหนึ่ง
“ชอบทุกคนนั่นล่ะ แค่ก! ชอบทุกคน!”
นางพูดพลางยื่นมือออกไปคว้ามือหรงซิวไว้พลางใช้ปลายนิ้วเขี่ยฝ่ามือเขาเบาๆ
จั้กจี้ชะมัด
หรงซิวคิด
ทว่ากลับชวนให้รู้สึกชมชอบยิ่ง
มุมปากเขาหยักวาดเป็นเส้นโค้ง พลิกฝ่ามือกลับมากุมมือนางแน่น เรื่องนี้นับว่าช่างมันแล้วกัน
นางเชิดอย่างถือดี เลิกคิ้วให้จื่อเฉินเป็นเชิงยุแหย่
รอนางเติบใหญ่แล้ว จะต้องรับเขามาเป็นน้องเล็กให้ได้!
ประกายตาจื่อเฉินวูบไหว จากนั้นก็เบี่ยงสายตาหลบไป
…
เพราะการปรากฏตัวของจื่อเฉิน บรรดาฝูงชนในจัตุรัสจึงตกอยู่ในความเงียบสงัดชั่วขณะ
ทว่าในไม่ช้า พวกเขาก็กลับมาคึกคักกันอีกครั้ง
“นั่นมัน… อินทรีสามตา!? เหตุใดเขาถึงแปลงกายเป็นมนุษย์ได้!?”
“แปลกประหลาดเสียจริง… พวกเจ้ารู้สึกถึงลมปราณของพวกเราเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงบนตัวเขาบ้างหรือไม่”
“เหอะ นี่มิใช่เรื่องปกติหรอกหรือ? อย่าลืมสิว่าตอนแรกซั่งกวนเยว่ผู้นั้นรับเอากระดูกปีกของผู้อาวุโสมาช่วยเขาหลอมกายเนื้อขึ้นมาใหม่!”
“ซี้ด… พูดไปก็ถูก! พอพูดแบบนี้แล้ว… อินทรีสามตานั่นกับโหมวเจินก็ใช้กระดูกชิ้นเดียวกันอยู่น่ะซี?”
“ต้องใช่แน่ เมื่อครู่หลังจากพละกำลังของโหมวเจินกล้าแกร่งขึ้น ลมปราณของเจ้าอินทรีสามตานั่นก็พุ่งพรวดตามขึ้นมาไม่น้อยเช่นกัน!”
“แต่ถ้าเป็นอย่างที่พูดจริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้น… ก็แปลว่าโหมวเจินกับเจ้าอินทรีสามตามีสายใยเชื่อมต่อกันอยู่มิใช่หรือไร”
…
บรรดาเสียงวิพากษ์วิจารณ์แว่วลอยเข้าหูมาจากทั่วทุกสารทิศ
คนจำนวนมากรับรู้ถึงสายสัมพันธ์พิเศษระหว่างจื่อเฉินกับโหมวเจิน ก็ล้วนแต่หน้าเปลี่ยนสีกันถ้วนทั่ว
อินทรีสามตานับว่ามีระดับที่ค่อนข้างสูงในหมู่ของอสูรศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน แต่ก็ยังเทียบกับพวกเขาไม่ได้อยู่ดี
บัดนี้ผลออกมาเป็นเช่นนี้… ช่างแปลกพิกลมากเสียจริง
ไม่ว่าจะคิดอย่างใด ก็ชวนรู้สึกให้ไม่สบายใจนัก
โหมวหยางแสยะยิ้มอย่างกราดเกรี้ยว
“ผู้อาวุโสฝูซาน นี่น่ะหรือคนที่ท่านเลือกไว้ใจ? การทำเช่นนี้มันต่างอันใดกับทรยศเผ่าของเรากัน!”
…นอกจากวิธีนี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก
หากไท่ซวีเฟิ่งหลงคิดอยากหลอมกายเนื้อขึ้นใหม่ จะต้องใช้กระดูกของเผ่าเดียวกัน มิเช่นนั้นก็มิอาจทำสำเร็จ
นอกจากร้องขอให้ซั่งกวนเยว่ยื่นมือเข้าช่วยแล้ว เขาจะมีโอกาสอื่นใดอีก?
เรื่องนี้ยังพิสูจน์ให้เห็นอีกว่ามันได้ผลจริงๆ
เพียงแต่น่าเสียดาย ดันสร้างปัญหาให้อินทรีสามตามากกว่าเก่าเสียได้
จะให้คนในเผ่ายอมรับเรื่องนี้ เห็นทีคงเป็นไปไม่ได้แน่
“โหมวเจิน เจ้ามีสิ่งใดอยากพูดอีกหรือไม่”
โหมวฝูซานเอ่ยถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...