………………..
โหมวหยางตะเกียกตะกายถอยห่างโดยไม่รู้ตัว ด้วยหวังจะหยัดตัวลุกขึ้น
แต่แรงกดดันอันหนักหน่วงชวนหวาดหวั่นกดทับเขาไว้อย่างรุนแรงจนมิอาจขยับเขยื้อนไปไหนได้
ก้นบึ้งในจิตใจของเขาพลันบังเกิดความสิ้นหวังและหวาดกลัวอันลึกล้ำ
อารมณ์ตึงเครียดไหลเวียนอยู่ในอก ทำให้หน้าอกของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ก่อนจะกระอักเลือดออกมากองโต!
โหมวเจินสะบัดชายเสื้อคลุม ประกายแสงสีทองแกมม่วงก่อตัวเป็นค่ายกลกางกั้นไว้ตรงหน้าเขา
เลือดของโหมวหยางสาดกระเซ็นลงบนค่ายกล ก่อนจะระเหยไปอย่างว่องไว
“อย่ามาทำเสื้อคลุมข้าเลอะ”
สีหน้าโหมวเจินเรียบนิ่งนัก ทว่าสุ้มเสียงกลับเย็นเยียบ
โหมวหยางยิ่งรู้สึกโกรธเกลียดและอับอายยิ่งกว่าเก่า ริมฝีปากสั่นระริก ทว่ายังไม่ทันเอ่ยออกมาสักคำก็กระอักเลือดออกมาอีกกองหนึ่ง
ยามพบเจอการทรมานเช่นนี้ สีหน้าของเขาซีดเผือดดุจร่างไร้วิญญาณ ลมหายใจรวยรินราวกับใกล้สิ้นลมก็มิปาน
โหมวเจินปรายตามองไปทางโหมวฝูซานและบรรดาผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ข้างกายเขา
“ในเมื่อข้าสืบทอดพลังบรรพชนแล้ว ก็ควรขึ้นเป็นประมุขแทนโหมวหยาง มิทราบว่าท่านผู้อาวุโสทั้งหลายมีผู้ใดคัดค้านหรือไม่?”
หลังจากความเงียบงันชั่วขณะ โหมวฝูซานก็เป็นฝ่ายเอ่ยนำขึ้นมา
“ในเมื่อบรรพชนทำการตัดสินใจแล้ว พวกข้าย่อมต้องคล้อยตาม”
เมื่อเขาแสดงจุดยืนเช่นนี้ ผู้อาวุโสท่านอื่นเองก็ทยอยผงกศีรษะเป็นเชิงเห็นด้วย
“พวกเราทั้งหมดไม่คัดค้าน!”
นี่มิใช่การเชื่อฟังภายใต้แรงกดดันของโหมวเจินแต่อย่างใด หากแต่เป็นความตั้งใจจริงแท้ของพวกเขา
เมื่อก่อนพวกเขาเข้าใจโหมวเจินผิดไป ทว่าบัดนี้ทุกอย่างที่ปรากฏต่อหน้าล้วนเพียงพอที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของโหมวเจินแล้ว
ต่อให้เขาไม่ได้รับสืบทอดพลังบรรพชน เขาก็ย่อมมีคุณสมบัติครบถ้วนอยู่ดี
หลังจากความเงียบสงัดครู่ใหญ่ บรรดาฝูงชนที่คุกเข่าอยู่ในจัตุรัสพร้อมใจกันกู่ตะโกนสรรเสริญ
“ขอแสดงความยินดีแก่ท่านประมุข!”
เสียงตะโกนสะเทือนลั่นฟ้า แฝงอากัปกิริยาเกรียงไกร!
สีหน้าของคนจำนวนมากค่อนข้างตื่นเต้นเลยทีเดียว
ความตระหนกตกใจและงุนงงสงสัยในคราแรกบัดนี้ล้วนสลายหายไปทันควัน
ที่หลงเหลืออยู่ มีเพียงความปิติและยินดีปรีดาเท่านั้น
จะไม่ให้ปิติได้อย่างใดเล่า?
โหมวหยางก่อเรื่องเลวทรามไว้มาก ถึงกับใช้วิธีการสกปรกฉกฉวยเอาตำแหน่งประมุข ช่างอับอายขายขี้หน้าเผ่าโดยแท้!
บัดนี้ถูกโค่นอำนาจลงไปก็นับว่าสมเหตุสมผลแล้ว
ส่วนทางโหมวเจิน เขาไม่เพียงแต่ไขความจริงในครานั้นให้กระจ่าง แต่ยัง… เป็นผู้ที่สืบทอดพลังแห่งบรรพชนอีกด้วย!
ได้คนเช่นนี้มาดำรงตำแหน่งประมุขย่อมแตกต่างอยู่แล้ว!
ต่อให้สายใยระหว่างเขากับอินทรีสามตาค่อนข้างพิเศษอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับการยอมรับจากบรรพชนแล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องนำมาพูดอีก
หากลองคิดดูก็พอรู้ว่าเหตุใดโหมวเจินถึงได้แอบซ่อนอยู่ในเสามังกรเคลื่อนมานานหลายปีขนาดนี้?
คงมิพ้นพึ่งความเอ็นดูจากบรรพชนอยู่แล้วกระมัง?
เรื่องนี้ย่อมไม่มีอันใดให้โต้แย้งอีก!
…
ยามได้ยินเสียงโห่ร้องตะโกนก้องอันอึกทึก ดวงตาของโหมวหยางกลิ้งกลอก ก่อนจะหมดสติไป
โหมวเจินยกฝ่ามือขึ้น สุ้มเสียงภายในจัตุรัสพลันเงียบสงัดลงในไม่ช้า
ฉู่หลิวเยว่มองภาพตรงหน้าพลางลอบถอนใจ
ครั้งนี้พวกเขายื่นมือช่วยได้ถูกคนจริงๆ
มุมปากของหรงซิวหยักยกน้อยๆ แล้วกุมมือนางแน่นกว่าเก่า
การมาเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้นับว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายโดยแท้
โชคยังดีที่แค่เจอเรื่องชวนตระหนกแต่ไม่มีอันตรายใดๆ สุดท้ายแล้วยังได้กำไรไปมหาศาลด้วย
สามารถผูกมิตรกับโหมวเจินได้ สำหรับพวกเขาแล้วย่อมนับว่าได้ประโยชน์ไปเต็มๆ
ครั้งนี้พวกเขาไม่เพียงแต่ออกไปได้โดยสวัสดิภาพ ทั้งภายหลังยังมีความสัมพันธ์อันดีกับเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงด้วย
ด้วยความสัมพันธ์อันดีงามนี้ เรื่องราวมากมายในภายภาคหน้าย่อมจัดการได้สะดวกสบายขึ้นกว่าเก่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...