………………..
หนานอีอีนอนพิงตรงหัวเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว บนร่างถูกคลุมด้วยผ้าห่มหนาที่ปักลวดลาย ดวงตาทั้งคู่จ้องมองไปข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่าอยู่ภายในห้อง
ดูๆ แล้วร่างนี้พลังน่าจะหายไปครึ่งนึง
ในห้วงความคิดของนางกลับมีภาพเรื่องราวนับไม่ถ้วนผุดเข้ามาในหัว แต่กลับเป็นเพียงภาพอันว่างเปล่าไม่มีแม้แต่ร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่เลย
มีเพียงความสับสนเลอะเลือนที่อยู่ในจิตใจ
ขณะนั้นมีสาวใช้นางหนึ่งผลักประตูเข้ามา นางถือถ้วยใบเล็กประดับด้วยลายครามและเดินยถ้วยเข้ามาให้อย่างระมัดระวัง
“คุณหนูรอง ได้เวลาทานยาแล้ว…เจ้า!”
ก่อนที่นางจะพูดจบประโยค จู่ๆ หนานอีอีก็ดึงแส้ออกมาจากหัวเตียง แรงของแส้ฟาดไปที่หัวของสาวใช้ผู้นั้น! ทำให้นางหลบไม่ทันจึงโดนแส้ฟาดเข้าเต็มแรง
บาดแผลฉีกยาวลงมาจากหนังศรีษะจนถึงมุมปากทำร้ายใบหน้าที่ละเอียดออ่อนและอ่อนเยาว์ของนางอย่างง่ายดายในทันที
เลือดไหลนอง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วจนน่าสะพรึงกลัว!
สาวใช้กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ชามใบเล็กในมือร่วงหล่นบนพื้นจนแตกกระจายไปทั่วห้อง
นางล้มลงและถูกเศษแก้วบางส่วนที่แตกบนพื้นทิ่มเข้าที่มือ เศษแก้วบาดจนเลือดไหลออกมาไม่หยุด ทำให้ความเจ็บปวดจากบาดแผลที่หน้าและที่มือของนางยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมามองด้วยอาการตื่นตะหนกและหวาดกลัว ทันทีที่เห็นหนานอีอีนางไม่รู้ว่าหนานอีอีได้จ้องมองนางอยู่ก่อนแล้วด้วยดวงตาแดงกล่ำน่าสะพรึงกลัวและถูกปกคลุมไปด้วยความมืดดำราวกับผีสิง! ท่าทีของหนางอิงอิงดูเหมือนต้องการจะฟาดฟันนางให้แหลกเป็นพันๆ ชิ้น!
สาวใช้ตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง นางหยุดร้องไห้ในทันทีและก้มลงกับพื้นเพื่อขอร้องอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นไปมาไม่หยุด
“คุณหนูรอง ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ! ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ!”
ที่แท้นางไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองทำอะไรผิด คุณหนูรองก่อเรื่องอีกแล้ว
เมื่อก่อนก็แค่มีนิสัยขี้งอนเอาแต่ใจ แต่บัดนี้กลับเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทั้งอารมณ์ร้อนและโมโหง่าย ยังไม่ทันทำอะไรเอะอะก็จะฆ่าคนนั้นคนนี้ไปทั่ว
หลังจากที่นางกลับมาได้หนึ่งเดือนก็มีคนที่ตายด้วยน้ำมือของนางไปสามคนแล้ว
อีกทั้งยังมีคนที่โดนทำร้ายจนบาดเจ็บอีกนับไม่ถ้วน
นางกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นคนที่โดนฆ่าจึงทำเป็นไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดบนร่างกายพยามยาม อ้อนวอนและยอมรับผิดอย่างอับจนหนทาง
แต่สาวใช้นางนี้กลับไม่รู้ความเอาเสียเลย ยิ่งนางทำเป็นรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้หนานอีอีโมโหมากขึ้นเท่านั้น
ดวงตาของหนานอีอีเปลี่ยเป็นสีแดงก่ำในทันทีเหมือนคนบ้าคลั่ง!
เสียงร้องเอะอะโวยวาย…สมควรตาย!
นางกำแส้ในมือไว้แน่นเตรียมจะลงมืออีกครั้ง ขณะเดียวกันกับที่ประตูใหญ่ถูกเปิดออก
“อิงอิง!”
มีร่างหนึ่งรีบเดินตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
ผู้นั้นคือหนานอี้ฝาน
ทำให้หนานอีอีหยุดและวางมือลง
หนานอี้ฟานกวาดสายตาดูสถานการณ์ในห้องอย่างรวดเร็วและขมวดคิ้วขึ้นในทันที
เมื่อครู่ตอนที่เขาออกไปข้างนอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องออกมาจากในจวนนี้ เดาได้เลยว่าต้องเป็นหนานอีอีที่ก่อเรื่องอีกแล้วเป็นแน่
นึกแล้วเชียว
เขากวักมือเรียกสาวใช้คนนั้นและเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าออกไปก่อนเถอะ ช่วงนี้รักษาตัวให้หายดีเสียก่อนและไม่ต้องเข้ามารับใช้นางอีก”
ชั่วขณะนั้นสาวใช้คนนั้นกลับรู้สึกโล่งอกและรีบออกไปด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างมาก
สถานการณ์ภายในห้องเงียบลงทันที หลงเหลือแต่ข้าวของที่ระเกะระกะอยู่เต็มพื้น
หนานอี้ฝานรู้สึกถึงความโกรธที่กำลังประทุออกมาจากภายในอก เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นว่า
ตอนนี้ทุกคนในตระกูลหนานต่างพูดกันถึงเรื่องพวกนี้ อีกทั้งคำพูดที่พวกเขาพูดถึงต่างไม่พอใจหนานอีอีกันอย่างมาก!
แม้ว่าหนานอีอีจะมีฐานะเป็นถึงคุณหนูรองผู้สูงศักดิ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้นางมาประพฤติตัวอย่างไม่เกรงกลัวใครในตระกูลหนานนี้ได้!
ต้องรู้ไว้ว่าในตระกูลหนานไม่ใช่เพราะหนานอี้ฝานเป็นผู้ออกคำสั่งได้ผู้เดียว
ถึงแม้ว่าปกติเหล่าผู้อาวุโสทุกท่านต่างเกรงใจเขาเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากเขาทำเรื่องอะไรผิดมาก็ต้องได้รับการลงโทษเช่นเดียวกัน!
และไม่ต้องพูดถึงหนานอีอี!
หากทำเช่นนี้อีก เขาจะไปอธิบายกับคนตระกูลหนานได้อย่างไร!
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาคล้ายกับตำหนินางอยู่เบาๆ ดวงตาของหนานอีอีเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำและน้ำตาพลันไหลออกมาในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...