………………..
เดิมทีนางกลับมาพร้อมกับหรงซิวและคนอื่นๆ แต่หลังจากที่ได้ยินข่าวว่าเสด็จพ่อมาถึงแล้ว นางจึงตัดสินใจกลับไปเปลี่ยนชุดและล้างหน้าล้างตาก่อนจึงค่อยออกไปพบกับเสด็จพ่อ
ช่วงที่นางวิ่งวุ่นไปมาอยู่ตลอดนี้ แม้ว่าบนร่างกายของนางไม่ได้ทิ้งรอยแผลอะไรเอาไว้ แต่ดูรวมๆ แล้วยังมีอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางอยู่บ้าง
ทว่าเป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับเสด็จพ่อที่อาณาจักรเสินซวี่ แน่นอนว่านางต้องการให้เห็นหน้าใบที่ดูดีที่สุด เพื่อให้เสด็จพ่อวางพระทัย
คิดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งจะมาถึงที่นี่ก็มาได้ยินคนพวกนั้นที่พูดถึงตนและเสด็จพ่อ
นางตั้งค่ายกลอย่างง่ายดายและซ่อนมันเอาไว้
เช่นนี้คำพูดของพวกเขาก็จะได้ยินทั้งหมดอีกครั้ง
“อาเยว่”
ถวนจื่อที่อยู่ในใจนางเอ่ยถามขึ้น
“พวกเขาพูดกับเจ้าเช่นนั้น เจ้าไม่โกรธรึ!”
เมื่อครู่ที่นางได้ยินคำพูดเหล่านั้น หากอดกลั้นไม่ไหวอีกนิดคงได้พุ่งตัวออกมาแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะด้วยเสียงบางเบา
“เหตุใดถึงโมโหอีกแล้วล่ะ เดิมทีที่พวกเขาพูดก็เป็นเรื่องจริง”
นางรู้ดีว่าอาณาจักรเสิ่นซวี่เป็นสถานที่เช่นไร
ในที่แห่งนี้ผู้อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง ผู้แข็งแกร่งย่อมได้รับความเคารพ
ตัวนางเองก็มิใช่คนที่มีชาติกำเนิดมาจากตระกูลขุนนางสูงศักดิ์ เช่นนี้ก็มีอะไรดีที่จะโต้แย้งกลับไป
แม้ว่าตอนนี้จะมีองค์ไท่จู่แล้วก็ตาม แต่ในปีนั้นองค์ไท่จู่ทรงงานหนักผู้เดียวมาโดยตลอด และแม้ว่าเขาจะพยายามให้ได้มาด้วยชื่อเสียงอันสุงสูด แต่ไม่ว่าจะมีความสามารถมากมายเพียงใดคงมิอาจเอาชนะได้ด้วยตัวคนเดียว หากเอาแต่พึ่งพาองค์ไท่จู่เพียงผู้เดียวคงมิอาจปกป้องตระกูลซั่งกวนไว้ได้
ฝ่ายตระกูลจงที่ตั้งหลักในอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้ ล้วนต้องมาจากตระกูลผู้แข็งแกร่งระดับเทพชั้นยอด อีกทั้งต้องใช้พลังแห่งสายเลือดที่สืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่นที่ได้รับการสั่งสมและปลูกฝังมาอย่างแนบแน่น
เมื่อได้ยินฉู่หลิวเยวพูดเช่นนี้ ถวนจื่อจึงส่งเสียงฟึดฟัดด้วยความโมโห
“ข้าไม่สน! เมื่อพวกเขาพูดถึงเจ้าเช่นนี้ จะต้องได้รับโทษ! เสียงของคนพวกนั้นข้าจำไว้หมดแล้ว! ถ้าครั้งหน้าได้เจอพวกเขาอีก ข้าจะทำให้พวกเขาได้เจอดีเป็นแน่!”
แม้แต่ท่านปู่ของนางที่เป็นถึงท่านประมุขยังไม่เกรงกลัว แล้วจะมากลัวคนเหล่านี้ได้อย่างไรกัน!
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น
ขณะที่ถวนจื่อยังโกรธเคืองอยู่เล็กน้อย…แต่นางกลับชอบมันมากจริงๆ
แต่ทว่า…
“ถวนจื่อ ข้ารู้ว่าเจ้าจัดการพวกเขาทีละคน สองคน หรือทั้งสามคนได้ แต่ถ้าเยอะกว่านี้เจ้าจะจัดการเขาได้งั้นรึ”
ถวนจื่อชะงักไปชั่วครู่
“ทั่วทั้งพระราชวังเมฆาสวรรค์จะต้องมีคนที่คิดเช่นนี้อยู่ไม่น้อย แม้ว่าเจ้าจะเอาคืนไม่กี่คนเหล่านั้นได้ แต่ก็มิอาจเปลี่ยนความคิดของพวกเขาได้หรอกนะ”
ถวนจื่อเอ่ยขึ้นด้วยความสับสนว่า “เช่นนั้นจะทำอย่างใด”
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและมองไปทางยอดเขาซู่หมิง
หากมองขึ้นไปจากตรงนี้คงเพียงพอที่จะได้เห็นตำหนักศักดิ์สิทธิ์ที่เข้มงวดและเรียบง่ายได้
อีกทั้งไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่าในเวลานี้คนที่สำคัญมากมายจะมารวมตัวกันทั้งหมดในพระราชวังเมฆาสวรรค์นั่น
แววตาของนางส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวนับหมื่นนับพันที่ร่วงลงมา ทั้งส่องสว่างด้วยแสงเล็กๆ ไปทั่ว
“หากต้องการให้พวกเขายอมรับในสถานะของนาง จึงมีวิธีเดียวเท่านั้นก็คือกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาทั้งหมด!”
ในขณะนั้นมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
“เยว์เออร์”
ฉู่หลิวเยว่หันหน้ามาเห็นหรงซิวโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเขามาปรากฏอยู่ด้านหลังนางตั้งแต่เมื่อใด
เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งชุดสีดุจราวหิมะขาว
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...