………………..
เงาร่างของหนานอีอีและลั่วเหยี่ยนหายวับไปในพงไพร
ส่วนกลุ่มหมอกดำที่แปลกประหลาดอันเข้มข้นนั้น หลังมันกลืนกินคนทั้งสองไปแล้ว ก็ค่อยๆ อันตรธานหายไปไร้ร่องรอย
ท่ามกลางป่าไพรเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง
ลมเอื่อยเฉื่อยคล้อยผ่านมา พัดเป่าเอาเงาไม้ที่เป็นจุดเป็นดวงขยับไหว
ธารน้ำไหลเอื่อยส่งเสียงแว่วแผ่ว แหวนหยกพกกระทบกันดังกรุ๋งกริ๋ง
ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังฟื้นฟูกลับไปเป็นดั่งเช่นก่อนหน้า
ราวกับว่ามิมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
…
ห้วยหนองสีดำเข้มแผ่ขยายอาณาเขตไปสุดลูกหูลูกตา
ต้นกกสีขี้เถ้าปะทะสายลมจนสะบัดไหวไปตามแรง
ยามปรายตามองก็พบว่า ฟ้าดินใหญ่โตโอฬารนัก
หนานอีฝานยืนอยู่ข้างห้วยหนองนั้น
หากก้าวไปข้างหน้าต่ออีกก้าว เขาก็จะเหยียบลงพื้นห้วยหนองอันดำมืดน่าหวาดหวั่นอยู่รอมร่อ
ลมปราณอันหนาวยะเยือกพุ่งมาโอบล้อมตัวเขาจากทั่วทุกสารทิศ
ภายในลมปราณผสมปนเปด้วยกลิ่นคาวเลือดจางๆ และกลิ่นเน่าเหม็นของอะไรต่อมิอะไร ยามสูดดมเข้าไปจึงชวนให้รู้สึกคลื่นไส้นัก
หนานอีฝานนิ่วหน้า พยายามต้านทานแรงกระเพื่อมไหวในอกสุดกำลัง
หากมิใช่เพื่ออวี่สิงแล้วล่ะก็ ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่มีทางมาเยือนที่นี่…
ทว่าบัดนี้ ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ
“ประมุขตระกูลหนาน หนานอีฝาน ขอเข้าพบเจ้าสำนัก”
หนานอีฝานเอ่ยต่อ
“ประมุขตระกูลหนาน หนานอีฝาน ขอเข้าพบเจ้าสำนัก”
สี่ทิศรอบด้านเงียบสงัด
หนานอีฝานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกชายผ้าคลุมขึ้น แล้วคุกเข่าลงกับพื้น!
“ประมุขตระกูลหนาน หนานอีฝาน ขอเข้าพบเจ้าสำนัก!”
บริเวณแห่งนั้นราวกับถูกตัดขาดจากโลกาฟ้าดินไปแล้วก็มิปาน สุ้มเสียงของหนานอีฝานจึงโดดเดี่ยวและไร้อำนาจเป็นพิเศษ
แต่เขาคาดเดาถึงสถานการณ์นี้ไว้ก่อนแล้ว จึงทำได้แค่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ร้องขอครั้งแล้วครั้งเล่า!
จากกลางวันจนกลางคืน
จากย่ำค่ำจนรุ่งสาง
เขาคุกเข่าร้องขออยู่ข้างหนองน้ำมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว
จนกระทั่งคอของเขาเริ่มแหบพร่า พูดแทบไม่เป็นคำแล้วนั่นเอง ในที่สุดต้นกกเบื้องหน้าเขาพลันโบกสะบัดอย่างรุนแรง!
ใยฝ้ายลอยละล่องไปในอากาศ ก่อนร่วงลงใจกลางหนองน้ำ ในไม่ช้าก็ถูกแรงกระเพื่อมของโคลนตมดูดกลืนลงไป
ท่ามกลางความเลือนราง ปรากฏหัวกะโหลกหนาขาวโพลนอันหนึ่ง
หนานอีฝานทำราวกับว่ามองไม่เห็น
เขาเพียงแค่เงยศีรษะขึ้นมา สองตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำจดจ้องไปยังเบื้องหน้าเขม็ง!
รอบตัวราวกับเงียบสงัดลงยิ่งกว่าเก่า
ดวงใจของหนานอีฝานราวกับถูกอะไรบางอย่างบีบเค้นอย่างแรง โลหิตในกายเองพลันหยุดไหลเวียนชะงัก
คอของเขาเจ็บจนแสบร้อน ทั่วร่างแข็งทื่อ ในอกวูบโหวง
ทว่าตอนนั้นเอง เขามิอาจฝืนทนไว้ได้อีกต่อไป
ในที่สุด สุ้มเสียงทุ้มต่ำแหบแห้งพลันดังแว่วขึ้นมา
เขาตอบกลับทันทีว่า
“เจ้าสำนัก ท่านโปรดช่วยข้าด้วยเถิด!”
สุ้มเสียงคล้ายว่ากำลังหัวเราะ
“หนานอวี่สิงเส้นลมปราณขาดสะบั้น กลายเป็นคนพิการไปโดยสมบูรณ์ ต่อให้ฝืนใช้แรงฟื้นฟู อย่างดีที่สุดก็ฟื้นฟูวรยุทธ์ก่อนหน้ากลับคืนมาได้สามส่วน เจ้าอย่าได้เสียเวลาอีกเลย”
หนานอีฝานราวกับจมดิ่งไปในถ้ำน้ำแข็งชั่วพริบตา
“เหตุใด เหตุใดถึงฟื้นได้แค่สามส่วนเล่า? ท่านเจ้าสำนักมีทักษะเลิศล้ำ”
“หากเป็นคนธรรมดาย่อมไม่มีปัญหา แต่จุดสำคัญคือคนที่ลงมือครานี้ดันเป็นหรงซิวน่ะสิ…เขาจงใจให้บุตรชายเจ้ามีสภาพอยู่ไม่สู้ตาย จึงจงใจใช้เล่ห์เหลี่ยม ต่อให้เป็นข้า แต่จะแก้กลของเขาให้หมดจดได้ ก็ยังต้องใช้เวลาไม่น้อย…”
หนานอีฝานนัยน์ตาสว่างวาบ ราวกับคว้าความหวังสุดท้ายได้ก็มิปาน เจ้าสำนักยังพอมีหนทางนี่เอง!
แต่ไม่ทันรอให้เขาเอ่ยปาก อีกฝ่ายก็กล่าวต่อว่า

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...