นางสวมชุดเจ้าสาวสีแดงสด ศีรษะประดับมงกุฎหงส์ ดวงหน้าดุจภาพวาด งดงามดั่งหยกเย็นที่เกลี้ยงเกลา
ประกายแสงโดยรอบทั้งหมดราวกับสาดส่องลงบนร่างของนาง สวยหยดย้อยตระการตา มิมีสิ่งใดงามมากไปกว่านี้
เฉินอีคลี่ยิ้ม ก่อนจะเบนสายตากลับมา
…
งานเลี้ยงใหญ่โตยังคงดำเนินรื่นเริงต่ออยู่นานทีเดียว
หลังจากอี้เจาและโหมวเจินนั่งอยู่ได้สักพัก ก็ขอตัวออกจากงานเลี้ยงไปก่อน
พวกเขาติดต่อกับเผ่ามนุษย์ไม่บ่อยมาแต่ไหนแต่ไร ครั้งนี้ก็เพราะหรงซิวและซั่งกวนเยว่ถึงได้มาร่วมงาน ซึ่งเห็นได้ยากมากแล้ว
อี้เจาเป็นพวกไม่ชอบบรรยากาศคนมากวุ่นวายเป็นทุนเดิม เมื่อเห็นว่าถวนจื่อสบายดีจริงๆ จึงวางใจ จากนั้นก็พาผู้อาวุโสอี้อวี่แล้วขอตัวลาไปก่อน
ด้วยถูกขังอยู่ในเสามังกรเคลื่อนมาหมื่นปี เขาเผชิญกับความโดดเดี่ยวและเหงาใจมามาก ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้ต้องสาละวนยุ่งอยู่กับการจัดการปัญหามากมายที่โหมวหยางทิ้งเอาไว้ ยากที่จะทำตัวเอื่อยเฉื่อย จึงอยู่สังสรรค์ที่นี่นานกว่าเดิมอีกหน่อย
จนกระทั่งเวลาบ่ายคล้อย เขาจึงขอตัวจากไป
หลังจากทั้งสองคนจากไป บรรยากาศภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ก็นับว่าเข้าสู่ภาวะปกติ
หลายคนพรูลมหายใจอย่างโล่งอก แต่ในใจก็ใช่ว่าจะไร้ความเสียดาย
จะเจอสองผู้นั้นได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าแม้แต่ประโยคเดียวก็ไม่ทันได้ปราศรัย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผูกไมตรีด้วยเลย
เห็นได้ชัดว่าพวกเขามางานอภิเษกสมรสในวันนี้ก็เพื่อให้การสนับสนุนสองคนนั้น
ยามเจอเหตุการณ์เช่นนี้ นอกจากจะคอยอิจฉาตาร้อนแล้วยังทำอะไรได้อีกเล่า?
ภายหลัง กลุ่มฝูงชนจึงทยอยขอตัวลา จนถึงช่วงพลบค่ำโดยประมาณ บรรดาแขกเหรื่อก็จากไปจนหมดแล้ว
ยามค่ำยังมีการจุดดอกไม้ไฟยิ่งใหญ่ตระการตาให้ชมอีกด้วย
บรรดาฝูงชนล้วนรวมตัวกันอยู่หน้าลานตำหนักศักดิ์สิทธิ์
บนผืนฟ้าสีดำสนิทยามราตรี ดอกไม้ไฟสว่างสดใสนับไม่ถ้วนปะทุออก ดูแล้วเปล่งประกายเรืองรองยิ่ง
ทั่วทุกจุดของพระราชวังเมฆาสวรรค์จุดตะเกียงไฟให้แสงเรืองวาบ ภายในวังยังฉาบไปด้วยบรรยากาศที่ผู้คนส่งเสียงโห่ร้องอย่างกระตือรือร้น
ฉู่หลิวเยว่ผินหน้ามองดูภาพฉากที่ว่า
หรงซิวปรายตามองนาง
ดวงหน้าที่สะท้อนประกายแสงจากดอกไม้ไฟเกลี้ยงเกลาดุจหยก ตัดกับนัยน์ตาดำขลับดั่งหยกดำคู่นั้นที่เปี่ยมด้วยสายธารนภสินธุ์ก็มิปาน
เขากุมมือนางแน่น สิบนิ้วเกี่ยวพันรัดรึง
“เยว่เออร์ คิดอันใดอยู่หรือ”
ฉู่หลิวเยว่เบนสายตากลับมามองเขา
“คิดถึงเจ้า”
ริมฝีปากแดงระเรื่อยกขึ้นน้อยๆ คลี่แย้มเป็นรอยยิ้ม ดวงตาวาดเป็นโค้งสวย
หรงซิวถึงกับใจกระตุก นิ่งอึ้งไปในพริบตา
ไม่มีคำพูดแบบใดที่ทำให้จิตใจสั่นไหวได้เท่าประโยคที่นางพูดเมื่อครู่แล้ว
ทันใดนั้น แววตาของเขาพลันเรืองวาบ ก่อนขยับเข้าไปใกล้อีกหน่อย
“เจ้าพูดว่าอันใดนะ?”
ฉู่หลิวเยว่เลิกเรียวคิ้วดำขลับ ทว่ามิยอมตอบไป ทำเพียงแค่มองเขายิ้มๆ เท่านั้น
หรงซิวใช้ท้องนิ้วสากปัดป่ายบนมือนางเบาๆ แล้วเอ่ยเป็นเชิงเย้าแหย่ว่า
“เยว่เออร์ พูดอีกสักรอบเถอะ เมื่อครู่สามีได้ยินไม่ชัด”
รอยยิ้มของฉู่หลิวเยว่ลึกล้ำกว่าเก่า
ได้ยินไม่ชัด แต่ยังพูดว่า “สามี” น่ะหรือ
เมื่อเห็นว่านางไม่ยอม นัยน์ตาหงส์ของหรงซิวพลันเข้มขึ้น
ทันใดนั้น ดวงหน้าหยาดเยิ้มชวนลุ่มหลงก็ปรากฏรอยยิ้มแฝงความนัยลึกล้ำ
เขาจูงมือนางก่อนหมุนกายเตรียมเดิน
เยี่ยนชิงที่ยืนอยู่ข้างกันเห็นดังนั้นก้าวรุดหน้าพลางเอ่ยถามทันที
“ฝ่าบาท?”
หรงซิวเลิกคิ้ว ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“ข้าเมาแล้ว ขอกลับไปพักผ่อนก่อน”
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่แดงเถือกขึ้นมาทันที
สภาพเขาเหมือนคนเมาที่ไหนกัน!
จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้หรงซิวดื่มสุราไปไม่ใช่น้อย แต่อีกฝ่ายยังพูดกับนางตาใสแจ๋ว เผลอครู่เดียวก็บอกตัวเองเมาแล้ว ใครจะเชื่อ?
เยี่ยนชิงยังอยากถามต่ออีกสักหน่อย กลับถูกอวี๋โม่ที่อยู่ด้านหลังดึงขัดเอาไว้ทันที
เยี่ยนชิงชักสายตากลับมาในทันใด ใบหน้าเย็นยะเยือกดั่งภูเขาน้ำแข็งปรากฏร่องรอยกระดากอายจางๆ
เขาลืมไปแล้วจริงๆ นะนี่…
“คิก”
พลันมีเสียงหัวเราะน้อยๆ ของสตรีดังแว่วมาจากด้านข้าง
“ที่แท้ใต้เท้าเยี่ยนชิงก็มีตอนที่สมองกลับด้วย”
เยี่ยนชิงหันศีรษะกลับมามอง ผู้พูดคือสตรีสวมชุดกระโปรงยาวสีสดผู้หนึ่ง
เขาจำได้ว่าสตรีผู้นี้คือหนึ่งในองครักษ์ของพระชายา
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะเยาะเขาก็หาได้สนใจ ไม่นานก็เบนสายตากลับไป


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...