………………..
ใจของฉู่หลิวเยว่พลันเต้นตามจังหวะลุกไหม้ของเปลวเทียน
ฝีเท้าที่ก้าวมาจากด้านหลังราวกับเหยียบลงกลางใจนางมิปาน
จนกระทั่งแขนคู่หนึ่งเข้าสวมกอดเอวนางจากข้างหลัง
หรงซิวรวบนางเข้าสู่อ้อมอก วางคางลงบนไหล่นางอย่างแผ่วเบา ก่อนถอนใจ
เสียงลมหายใจดังสะท้อนพอให้ได้ยินทั้งสองฝ่าย
บนตัวของเขายังคงติดกลิ่นสุรานำพาให้มอมเมา เมื่อผสมรวมกับกลิ่นหอมเย็นจางๆ แล้ว ราวกับสร้างแรงดึงดูดอันตรายที่มิอาจหักห้ามใจได้ขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกสงบใจ
นางยื่นมือออกไปรวบมือของหรงซิวเข้าด้วยกัน
“เยว่เออร์”
เสียงของหรงซิวทุ้มต่ำน่าฟัง ทั้งติดเจือแววแหบพร่าอยู่หลายส่วน
“เจ้าเป็นของข้า”
ทั้งอ่อนโยน มั่นคง และแข็งแกร่ง
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างเติมเต็มเข้ามาในจิตใจ
นางคลี่ยิ้มอ่อนโยน ขานรับว่า “อือ” คราหนึ่ง
“ข้าเป็นของเจ้า เจ้าเองก็เป็นของข้า”
พวกเขามีกันและกัน พวกเขาเป็นของกันและกัน
“ข้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน นานยิ่งนัก…”
หรงซิวเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ความเร็วในการพูดของเขาเชื่องช้ามาก ราวกับเมามายจริงๆ แล้วก็มิปาน ทั้งยังเหมือนกับกำลังนึกย้อนถึงอะไรบางอย่าง ความคิดที่ติดอยู่ในใจมานานนม
“เยว่เออร์ เจ้าเรียกข้าอีกรอบสิ”
หรงซิวกระซิบใกล้จนแทบแนบหูนาง
ดังนั้นทุกพยางค์ ทุกลมหายใจล้วนลอยเข้ามาในหูของนาง ตกลงกลางใจของนางครบถ้วน
ไอความร้อนตกกระทบลงบนใบหูและลำคอของนาง ชวนให้รู้สึกคันยุบยิบอยู่ไม่น้อย
นางหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้พลางหดคอ
“สามี? สามี? นับจากนี้เป็นต้นไปมีโอกาสให้ได้เรียกตั้งหลายครั้ง เจ้า”
หรงซิวพลันขบลงบนใบหูของนางเบาๆ
ปลายลิ้นม้วนตวัดเข้าหาน้อยๆ ทิ้งไว้ก็แต่ความร้อนระอุ
เสียงของนางถึงกับขาดหาย กลายเป็นเสียงครางเครือพึมพำแผ่วเบา
หรงซิวกอดนางแนบแน่นขึ้นกว่าเก่า เสียงของเขาแหบพร่ายิ่งนัก
สุ้มเสียงอันเลือนราง ดังดวงดาราที่แตกสลายเป็นประกายแสง
“แต่วันนี้ข้าอยากฟังเป็นพิเศษ…”
…
ราตรีที่มิอาจข่มตาหลับนอนได้ลงทั้งคืนก็ดำเนินไป
…
ณ สำนักหลิงเซียว
เวลาล่วงเลยไปจนดึกดื่นแล้ว ดวงจันทร์ทอแสงนวลสว่างไสว
ดั่งประกายแสงบนผิวน้ำที่ลอยเอื่อยอย่างเงียบงัน
ภายในห้อง คนผู้หนึ่งยืนผินหน้าไปทางหน้าต่างอยู่เพียงผู้เดียว
แสงจันทร์ที่ตกกระทบทำให้เงาของเขาทอดยาวออกไปนัก
โดดเดี่ยวแลเดียวดาย
ทันใดนั้นเอง ด้านหลังของเขาพลันบังเกิดแรงกระเพื่อมของความว่างเปล่า!
จากนั้น เงาร่างร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นภายในห้อง!
เป็นอี้เหวินจั๋วนั่นเอง
“น่ารังเกียจนัก!”
อี้เหวินจั๋วที่ออกมาจากความว่างเปล่าเอ่ยสบถออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
สีหน้าเรียบเฉยของจวินจิ่วชิงเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
เขาเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ก่อนหมุนกายมาคำนับ
“ท่านอาจารย์ ท่านกลับมาแล้ว”
บนดวงหน้างามหยดย้อยและน่าเกลียดน่ากลัวกลับกลายมาเป็นสีหน้าเรียบเฉยดั่งเดิม
หากแต่อี้เหวินจั๋วมิได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย
เขาตบโต๊ะอย่างโกรธแค้นทีหนึ่ง
“ศิษย์อาจารย์คู่นั้นช่างเจ้าเล่ห์เพทุบายนัก!”
ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ว่าหนานซู่ไหวออกไปข้างนอก จึงลอบแอบตามไปอย่างเงียบๆ
แต่พอผ่านไปได้ไม่นานนัก หนานซู่ไหวก็จับสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเขา จึงใช้กลอุบายสลัดเขาจนหลุด
ภายหลังเขาตามหาอยู่นาน ก็หาหนานซู่ไหวไม่เจอแล้ว


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...