………………..
ท่าเรือดอกท้อ คือสถานที่ที่ฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวพบกันครั้งแรก
และที่นั่นค่อนข้างพิเศษกว่าที่อื่น
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในอาณาบริเวณของอาณาจักรเสิ่นสวี่ แต่พลังของประตูข้ามภพนั้นอ่อนแอมาก พื้นที่ห้วงมิติไม่เสถียร บางครั้งอาจถูกคลื่นความผันผวนในอากาศปะทุใส่เป็นครั้งคราว หากไม่ระวังอาจถึงแก่ความตายได้ ซึ่งถือเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
ฉะนั้นแต่ไหนแต่ไรมา จึงไม่มีคนจากตระกูลขุนนางคนใดคอยเฝ้าคุ้มกันเลย
อย่างไรเสีย ชีวิตตัวเองก็ย่อมสำคัญกว่า
หากต้องไปยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยภยันตรายตลอดเวลา แต่มิได้อันใดกลับมา เช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไร?
และท่าเรือดอกท้อคือสถานที่ดังกล่าว
ที่นั่นไม่มีสมบัติวิเศษหรือโอกาสอันยิ่งใหญ่ใดใด
มีเพียงทิวเขาเลากาและผืนป่าดอกท้ออันกว้างใหญ่ไพศาล
และด้วยเหตุผลบางอย่าง ดอกท้อ ณ ท่าเรือดอกท้อ ไม่ได้ผลิบานหรือร่วงหล่นตามฤดูกาล แต่ระยะเวลาในการออกดอกจะยาวนานมาก บางครั้งอาจยาวนานหลายปี
ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจึงตั้งสมยานามที่งดงามให้กับมันว่า ท่าเรือดอกท้อ
แต่กระนั้น ท่าเรือดอกท้อก็ไม่ได้ถูกทิ้งร้าง
ตรงข้ามกัน กลับมีคนจำนวนมากไปที่นั่นเสมอ
เหล่านักเดินทางมากมายที่มายังอาณาจักรเสิ่นสวี่ ครั้นไร้ปัญญาข้ามผ่านประตูเชื่อมภพ ก็ล้วนหันมาทางเลือกใช้ท่าเรือดอกท้อ
เมื่อเทียบกับที่อื่นแล้ว ท่าเรือดอกท้อนั้นแทบไม่มีสิ่งกีดขวางและเข้าออกง่ายมาก
แต่แน่นอนว่าการตัดสินใจเช่นนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ฝึกตนจักสามารถเข้าสู่อาณาจักรเสิ่นสวี่ได้อย่างราบรื่น
ท่าเรือดอกท้อนั้นเต็มไปด้วยอันตราย คนที่เข้าไปในท่าเรือดอกท้อ ถึงสุดท้ายจะออกมาได้สำเร็จ และกลายเป็นคนของอาณาจักรเสิ่นสวี่เต็มตัว แต่ก็มีเพียงหนึ่งในร้อยเท่านั้น
ที่นั่นเฟื่องฟูไปด้วยพลังแห่งสวรรค์และโลก จึงกล่าวได้ว่าเป็นที่ที่เหมาะสมแก่การบ่มเพาะพลังปราณยิ่ง
แต่เนื่องจากปัญหาห้วงมิติไม่เสถียร และไม่มีใครคิดหาวิธีแก้ปัญหานี้ได้ ท่าเรือดอกท้อจึงค่อยๆ ถูกปล่อยปะละเลย
ในอาณาจักรเสิ่นสวี่แห่งนี้ เหล่ากลุ่มชนชั้นสูงที่สามารถพัฒนาพลังของตน ล้วนต้องมีบรรพตที่มั่นคงและทรงพลังในการฝึกตน
และชัดเจนว่าท่าเรือดอกท้อมิใช่สถานที่เช่นนั้น
กล่าวโดยรวมแล้ว ท่าเรือดอกท้อนั้นอลหม่านและอันตรายมาก ถือเป็นสถานที่ยุ่งวุ่นวายแลซับซ้อนโดยสิ้นเชิง
หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวออกจากที่นั่นมา พวกเขาก็ไม่เคยกลับไปอีกเลย
“เหตุใดซานซานถึงไปที่นั่นกัน?”
ฉู่หลิวเยว่ตกใจมาก
“เรื่องนี้ไยเจ้าถึงไม่บอกข้าแต่เนิ่นๆ?”
เฉินอีแค่นยิ้มจางๆ
“นี่คือเส้นทางที่เขาเลือกเอง ข้าเตือนเขาแล้วคราหนึ่ง แต่ด้วยนิสัยของเขา ท่านเองน่าจะรู้ดี ไม่กี่ปีมานี้เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ท่าเรือดอกท้อ และส่งจดหมายกลับมาเป็นครั้งคราว กล่าวโดยรวมแล้วเขามีชีวิตอยู่ดี ข้าจึงปล่อยเลยตามเลย และที่ก่อนหน้านี้ข้าไม่บอกท่าน เพราะเป็นช่วงที่ท่านง่วนอยู่กับงานอภิเษกสมรส ข้าจึงคิดว่ารอให้งานสิ้นสุดลงแล้วค่อยบอกท่านจะดีกว่า อีกทั้ง มันก็มิใช่เรื่องเร่งด่วนกระไร แต่ประเด็นก็คือ…ท่านอ่านจดหมายฉบับนี้เสียก่อน แล้วจักเข้าใจขอรับ”
เขาหยิบจดหมายฉบับหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในอกเสื้ออกมา
มันเป็นจดหมายที่หนามาก
ฉู่หลิวเยว่รับมันมา พลันเปิดซองจดหมาย และเห็นแผ่นกระดาษนับไม่ถ้วนหล่นออกมา
นางกวาดสายตามองคร่าวๆ ตัวอักษรเล็กๆ อัดแน่นเรียงรายเต็มหน้ากระดาษ
ฉู่หลิวเยว่เพียงเห็นก็พลันรู้สึกเวียนหัว และอดเอ็ดเบาๆ ไม่ได้ว่า
“ผ่านมาตั้งหลายปี นิสัยใช้คำฟุ่มเฟือยเช่นนี้ ไยเขาจักไม่หัดแก้ไขเสียทีนา?”
นางและสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ ต่างมีวิถีการส่งสารที่เป็นเอกลักษณ์ของตน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...