เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารบนร่างกายของนายท่าน ซานซานก็ตัวสั่นสะท้าน
เขาติดตามนายท่านของตนเองมาเป็นเวลานาน เพราะรู้ว่าสิ่งที่นางเกลียดมากที่สุดคือ คนอื่นมาแย่งของของนาง
แต่เหตุการณ์นี้กลับเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตานาง…
“ท่านเดินทางมาไกลคงจะเหนื่อยมาก ผู้น้อยไม่ได้เตรียมการต้อนรับ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างมาก! สถานที่แห่งนี้ซอมซ่อมากเกินไป ถ้าเช่นนั้นเชิญท่านกับฝ่าบาทไปพักผ่อนที่บ้านของผู้น้อยก่อนดีหรือไม่?”
เขาเตรียมสถานที่เอาไว้ตั้งนานแล้ว ท้ายที่สุดแล้วทุกสิ่งที่เขาสร้างมาก็เพื่อนายท่าน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า วันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
สถานการณ์ของท่าเรือดอกท้อนั้นซับซ้อนมากกว่าที่นางคิดเอาไว้ ดังนั้นนางจึงต้องทำใจเย็นๆ หลังจากเข้าใจสถานการณ์โดยละเอียดแล้ว ค่อยตัดสินใจต่อไป
“ไปกันเถอะ ไปดูถิ่นของเจ้าหน่อย!”
หลังจากเดินออกไปสองสามก้าว นางก็เหลือบสายตามองเด็กรับใช้ที่อยู่ด้านข้าง
“เขาได้รับบาดเจ็บ ปล่อยให้เขากลับบ้านไปพักรักษาตัวสักสองสามวันเถอะ”
ซานซานรีบตอบขึ้นมาว่า
“เอ๋! ได้เลยขอรับ!”
เขาโบกมือให้กับเด็กรับใช้คนนั้น
“เสี่ยวจ้าว นายท่านออกปากด้วยตนเองแล้ว นี่ถือว่าเป็นความโชคดีของเจ้า! สองสามวันนี้เจ้าก็กลับบ้านไปรักษาตัวก่อนเถอะ ค่าจ้างข้าจะยังจ่ายอยู่เหมือนเดิม!”
เด็กรับใช้รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แล้วกล่าวขอบคุณอยู่หลายครั้ง
ภายในใจของซานซานก็รู้สึกตื่นเต้นและยินดี เขานำทางไปพลาง พร้อมกับถูมือไปมาแล้วถามอย่างคาดหวังว่า
“นายท่าน ท่านกับฝ่าบาทเพิ่งแต่งงานกันได้ครึ่งเดือน แล้วเหตุใดถึงมาที่นี่แล้วขอรับ? หรือว่า…หรือว่า…”
เดิมทีเขาอยากจะถามว่า ในใจของนายท่านก็คิดถึงเขาอยู่เหมือนกันใช่หรือไม่
แต่เขายังไม่ทันถามจนจบ หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรอยยิ้มแต่ดวงตากลับเย็นชาของหรงซิว
ซานซานกลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบาก ก่อนจะกลืนคำพูดที่เหลือลงคออย่างชาญฉลาด
“อะแฮ่ม! นายท่าน ฝ่าบาท เชิญทางนี้ขอรับ…”
แต่ว่าดูแล้วมีท่าทางสง่างามไม่เหมือนกับคนทั่วไปจริงๆ …
นายท่านของเถ้าแก่เป็นคนที่เหนือธรรมดาจริงๆ
เมื่อคิดถึงของที่คนของสำนักกระบี่ทมิฬเอาไปก่อนหน้านี้ หัวใจของเด็กรับใช้ก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
เหมือนว่านายท่านคนนี้จะไม่สามารถยั่วโมโหได้เลย…
ไม่รู้ว่าครั้งนี้นางจะมีปัญหากับสำนักกระบี่ทมิฬหรือไม่
…
ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ เดินเข้าไปในเมือง
ซานซานเดินติดตามอยู่ด้านข้าง และพูดตลอดทางไม่หยุด
ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นการเล่าเรื่องที่เขาได้พบเจอตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ และเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด
ฉู่หลิวเยว่เคยชินกับท่าทางเช่นนี้แล้ว ดังนั้นนางจึงฟังอยู่เงียบๆ
ใช่แล้ว
ซานซานไม่ชอบเขียนจดหมาย แต่กลับชอบพูด
แต่ซานซานรู้ว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนไม่ควรพูด
เหมือนกับในตอนนี้ เขารู้ว่าหรงซิวและฉู่หลิวเยว่ไม่ได้มาที่ท่าเรือดอกท้อมาเป็นเวลานาน และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กลับมาที่นี่ ดังนั้นจึงเริ่มพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของท่าเรือดอกท้อให้พวกนางฟังหนึ่งรอบ
หากฟังแค่ผ่านๆ ก็คิดว่าเขาคงพูดพล่อยๆ ความจริงแล้วเนื้อหานั้นกระจ่างชัดเจน อีกทั้งยังจับประเด็นได้ตรงจุดเป็นอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเป็นครั้งคราว
ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขายังอยู่ภายในร้าน แม้ว่าเด็กรับใช้คนนั้นจะพูดออกมาไม่น้อยแล้ว แต่แต่ละเรื่องราวก็ไม่ได้ต่อเนื่องกัน
ตอนนี้เมื่อได้ยินซานซานอธิบาย ในที่สุดพวกเขาก็สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวเข้าด้วยกันได้แล้ว
…
สิงโตหินหน้าประตูทองคำบริสุทธิ์ ที่ขั้นบันไดมีพรมสีแดงปูอยู่ เหมือนว่าบ่าวรับใช้ที่อยู่ภายในจวน จะมารวมตัวกันในเวลานี้ พร้อมยืนเข้าแถวสองข้างทางด้วยความเคารพ
“ยินดีต้อนรับนายท่านกลับจวน!”
กระแสเสียงนั้นดังกังวาน สง่างามเป็นพิเศษ
นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ป้ายหน้าประตูแขวนที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ เขียนด้วยอักษรตัวใหญ่คำว่า “จวนเยว่”
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองคฤหาสน์ที่หรูหรา สีทองที่เปล่งประกายแสบตา มุมปากของนางกระตุกขึ้นอีกครั้ง
เหตุใดซานซานถึงทำสิ่งที่เขาพูด เป็นสิ่งที่เกินกว่านางจะจินตนาการได้ทุกครั้ง…
“เป็นอย่างใดบ้าง! นายท่าน ท่านชอบหรือไม่?”
ซานซานหัวเราะออกมาจนดวงตาหยีเล็กลง เหลือเพียงขีดเดียวเท่านั้น
“เวลากระชั้นชิดเป็นอย่างมาก ข้ายังไม่ทันได้เตรียมการแสดงเลย! โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย!”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ในตอนนั้นนางมีความคิดที่อยากจะหนีออกจากที่นี่จริงๆ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฉู่หลิวเยว่ ซานซานก็เริ่มไม่แน่ใจเล็กน้อย

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...