เดิมทีนางไม่อยากจะเข้าไปพัวพันกับอีกฝ่าย ท้ายที่สุดแล้วภูมิหลังของสำนักกระบี่ทมิฬเป็นอย่างใดนั้น นางก็ยังไม่แน่ชัด
แต่หากพวกเขารังแกกันเกินไป เรื่องนี้ก็โทษนางไม่ได้แล้ว
“ข้าไม่มีทางมอบคนผู้นั้นให้พวกเจ้า ส่วนเรื่องทัณฑ์สวรรค์…”
“เหล่าซาน!”
ในตอนนั้นเองเสียงเกรี้ยวกราดของชายผู้หนึ่งก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่หรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นก็เห็นว่ามีอีกคนหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากกลางหุบเขา
“เจ้ากำลังทำบ้าอันใดอยู่? เหตุใดถึงยังไม่กลับมาเสียที?”
ชายคนนั้นไม่ได้เดินทางมาที่นี่ เขาแค่ตะโกนขึ้นเสียงดังจากระยะไกล
“เหล่าเอ้อร์ ทางนี้มีคนกำลังจะทะลวงด่าน! เลยอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์ด่านพลังจิตวั่งเสิ่น…”
“ก็แค่จอมยุทธ์ระดับหกไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงต้องใช้เวลาจัดการนานขนาดนี้?”
เหมือนว่าเหล่าเอ้อร์จะไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“นี่มัน…”
เหล่าซานอยากจะอธิบายว่า เขาเห็นว่าคนที่จะทะลวงด่านนี้เป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ไม่เลว จึงต้องเสียเวลาไปบ้าง
“เอาล่ะ! ตอนนี้ไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น! เจ้ารีบกลับมา! ทางนี้คนไม่พอแล้ว!”
ตอนนี้มันเป็นเวลาไหนกันแล้ว!
จะให้มาสนใจเรื่องเหล่านี้ได้อย่างใด!
เหล่าซานทำได้เพียงตอบรับ
“ขอรับ!”
เขาสะกิดปลายเท้าขึ้น จากนั้นก็เหลือบสายตามามองทางฉู่หลิวเยว่ด้วยความล้ำลึก
“ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการ…ถ้าอย่างนั้นก็รอเก็บศพของเด็กคนนั้นทีหลังก็แล้วกัน!”
รอจนกระทั่งพวกเขาสามารถอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์ได้ทั้งหมด ในตอนนั้นจะมีพื้นที่ให้เด็กคนนั้นทะลวงด่านได้อย่างใด?
เมื่อถึงเวลานั้นก็มีเพียงความตายอย่างเดียวเท่านั้น!
เด็กคนนั้นเป็นต้นกล้าที่ไม่เลวเลย หากอีกฝ่ายมอบมาให้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะได้รับรางวัลไม่น้อย…
น่าเสียดายมาก
ในแววตาของเหล่าซานเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและเคียดแค้น ก่อนจะพุ่งตัวออกมาทันที!
หลังจากนั้นไม่นานเงาร่างของเขาก็หายไปทางด้านหลังยอดเขาแห่งนั้น
ทัณฑ์สวรรค์ยังคงผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง
แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่ได้ชะงักไปเลยแม้แต่น้อย กลับดูเร่งรีบมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
“เฉินอี เมื่อครู่นี้คนผู้นั้นพูดว่าทางด้านพวกเขามีคนไม่พอใช่หรือไม่?”
เฉินอีพยักหน้า
“ถูกต้อง”
ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งแปลกกว่าเดิมแล้ว
มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับฝั่งนั้นกันแน่นะ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่มีทัณฑ์สวรรค์จำนวนมาก แต่เขากลับพูดขึ้นมาว่า “คนไม่พอ” ?
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วครุ่นคิด
ในเวลานี้มีระยะขอบของเมฆดำสองกลุ่มที่อยู่บนท้องฟ้ากำลังจะสัมผัสกันแล้ว
สถานการณ์ของสือซานนั้นไม่สามารถเทียบกับอีกฝ่ายได้เลย
เมื่อหันไปมองแล้ว สือซานก็เป็นเพียงแค่หนึ่งส่วนสิบของอีกฝ่ายเท่านั้น
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ พลังทัณฑ์สวรรค์ที่สือซานอัญเชิญมาอาจจะต้องถูกอีกฝ่ายกลืนกิน
และนี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดชายผู้นั้นถึงพูดเตือนฉู่หลิวเยว่เช่นนี้
…นี่เป็นการต่อสู้อย่างไม่ต้องสงสัย
ฉู่หลิวเยว่หันมองทางสือซาน
เขากำลังจะรับทัณฑ์สวรรค์สายที่สี่แล้ว
ภายในเปลวเพลิงที่สว่างไสวสามารถมองเห็นเขาที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่นได้อย่างเลือนราง อีกทั้งยังมีคราบเลือดประปราย
เห็นได้ชัดว่า สำหรับเขาแล้ว ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ยากลำบากอย่างมาก
หากเขาได้รับผลกระทบจากภายนอกในเวลานี้…
เปรี้ยง!
ทัณฑ์สวรรค์ที่ฟาดลงมาที่ทวีคูณความน่าสะพรึงกลัวมากยิ่งขึ้น
เมฆดำหนาทึบและพวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง บดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์
ภายใต้ผลกระทบจากภายนอก คาดไม่ถึงว่าทัณฑ์สวรรค์จะถูกดูดซับไป
ซึ่งมันไม่สามารถเป็นเช่นนี้ต่อไปได้
ฉู่หลิวเยว่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว
รอจนกระทั่งชั้นเมฆของอีกฝ่ายจะปกคลุมและดูดกลืนทัณฑ์สวรรค์ของสือซาน เช่นนี้มันก็สายเกินไปแล้ว!
เฉินอีสาวเท้าออกมาหนึ่งก้าว
“นายท่าน ถ้าอย่างนั้นข้า…”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...