………………..
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองตาเขม็ง คนผู้นั้นคือกลุ่มคนของสำนักกระบี่ทมิฬที่เดินทางกลับมา
ด้านหลังของพวกเขายังมีชายแปลกหน้าติดตามอยู่หนึ่งคน ร่างกายของเขากำยำล่ำสัน ใบหน้าเย็นชา
ประเด็นสำคัญเลยก็คือ บนร่างกายของเขามีลมปราณที่น่าตกใจ ผู้คนที่อยู่ด้านข้างให้ความเคารพเขาเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นหัวหน้าคนหนึ่ง
ทันใดนั้นซานซานก็ส่งสายตาให้แก่ฉู่หลิวเยว่ เขาขยับปากอย่างไร้เสียง พร้อมพูดออกมาสองคำว่า
“มั่วอวิ๋น…”
ฉู่หลิวเยว่สามารถเข้าใจได้ในทันที
ที่แท้ก็เป็นมั่วอวิ๋นคนนั้น!
เพียงแต่ว่า…เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ด้วย?
ความเร็วของเขานั้นสูงอย่างมาก!
มั่วอวิ๋นไม่ได้สังเกตถึงฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ ที่หลบซ่อนอยู่ตรงนี้เลย
โชคดีที่ทั้งสองฝ่ายยืนกันคนละฟากของหุบเขา ดังนั้นฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ จึงสามารถมองเห็นสีหน้าและท่าทางของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
แน่นอนว่าพวกเขาได้ยินอย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังคุยอันใดกัน
มั่วอวิ๋นมองลงไปในหุบเขา คิ้วขมวดมุ่น สีหน้าไม่พอใจอย่างมาก
“นี่คือผลการทดสอบของพวกเจ้าในเดือนนี้อย่างนั้นหรือ?”
น้ำเสียงของเขาเย็นชาเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังแฝงด้วยความกดดันเข้มข้น
บนร่างกายของคนอื่นนั้นเต็มไปด้วยบาดแผล แต่เขาไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกมา
เมื่อได้ยินถึงการซักถามนั้น พวกเขาทั้งหลายก็มีสีหน้าหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
“รองประมุข นี่มัน…คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ต้นกล้าที่ดีเท่าไร…”
เพราะความหวาดกลัวจึงทำให้ใบหน้าของเขาซีดขาว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ด้านข้างเลย
มั่วอวิ๋นมีสีหน้าเย็นชามากขึ้นกว่าเดิม
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ทำความสะอาดที่นี่ให้เรียบร้อย! หากใครมาเห็นเข้า…”
คำพูดข่มขู่ของเขาไม่จำเป็นต้องพูดจนจบ คนเหล่านั้นก็เข้าใจเป็นอย่างดี
เหล่าเอ้อร์กับเหล่าซานและคนอื่นๆ ก็สบสายตากันไปมา
เดิมทีเขาอยากจะอธิบายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างใดเขาก็ไม่สามารถพูดได้
ระหว่างการทดสอบกลับได้เจอกับผู้อื่น และยังได้เกิดการปะทะกัน สุดท้ายพวกเขาก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้…
ยังดีที่กลุ่มคนเมื่อครู่นี้ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถรับประกันชีวิตน้อยๆ ของตนเองได้!
พวกเขาเข้าใจกันเองได้โดยปริยาย จึงกลืนคำพูดเหล่านี้กลับลงไป
“ท่านพูดได้ถูกต้อง! ล้วนเป็นเพราะพวกเราไร้ความสามารถ…จึง…”
มั่วอวิ๋นยกมือขึ้นอย่างหมดความอดทน
หมอกสีดำกลุ่มหนึ่งลอยออกจากกลางฝ่ามือของเขา จากนั้นก็กระจายไปยังหุบเขานั้นอย่างรวดเร็ว!
ภายในชั่วพริบตาหมอกดำกลุ่มนั้นก็ปกคลุมทั่วภาพเหตุการณ์ที่คละคลุ้งด้วยกลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงจนมิด!
พรึ่บ…
เสียงที่เล็ดลอดออกมาทำให้หนังศีรษะของคนด้านชา
ฉู่หลิวเยว่ที่ได้ยินดังนั้นก็กลั้นลมหายใจลงอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาก็ยังจดจ้องไปที่หุบเขาด้านล่างตาเขม็ง
หลังจากผ่านไปสักพัก หมอกสีดำนั้นก็จางหายไป
หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็ตึงเครียดขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าศพเหล่านั้นจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว! แม้กระทั่งคราบเลือดที่อยู่บนพื้นนั้นก็ถูกทำความสะอาดจนหมดจด!
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว นอกจากร่องรอยของทัณฑ์สวรรค์แล้ว แทบจะไม่หลงเหลือเบาะแสอันใดเอาไว้เลย
“เอาล่ะ ครั้งนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่อย่ามีครั้งหน้าอีกเด็ดขาด!”
“ขอรับ!”
เมื่อมั่นใจว่าร่องรอยที่อยู่ในหุบเขานั้นถูกทำความสะอาดจนหมดจดแล้ว มั่วอวิ๋นถึงได้หมุนตัวเดินจากไป
เหล่าเอ้อร์ เหล่าซาน และคนอื่นๆ ก็รีบติดตามไปในทันที
ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาไม่ได้สังเกตถึงฉู่หลิวเยว่ที่ซ่อนตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามเลย
หลังจากเงาร่างของพวกเขาจางหายไปแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็เหลือบสายตาไปมองในหุบเขาเป็นครั้งสุดท้าย
“กลับกันก่อนเถอะ”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...