หรงซิวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับเข้าใจว่าความหมายของคำพูดเหล่านั้น
ท่าเรือดอกท้อแห่งนี้…มีลูกน้องของหรงซิวอาศัยอยู่!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจเป็นอย่างแรก ต่อมาก็คิดว่านี่เป็นเรื่องปกติ
ด้วยนิสัยอย่างหรงซิวแล้ว หากเขาไม่ทิ้งลูกน้องเอาไว้ที่นี่ นั่นถึงจะเป็นเรื่องแปลก
หลังจากได้สติกลับคืนมา นางก็ขำขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยเล่าให้ข้าฟังเลย?”
หรงซิวครุ่นคิดขึ้นมา
“ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าจะสามารถใช้ประโยชน์ได้ในวันนี้ แต่ว่าคนของสำนักกระบี่ทมิฬเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขารู้ เดิมทีข้าเองก็คิดจะมาบอกเล่าเรื่องนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะได้ไปปะทะกันโดยตรงแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
การที่สืบค้นเรื่องเหล่านี้ได้ก็เป็นเรื่องยากมากแล้ว
ท้ายที่สุดแล้วแม้กระทั่งซานซานที่ติดต่อกับสำนักกระบี่ทมิฬอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ก็ยังรู้เรื่องเหล่านี้เพียงบางส่วนเท่านั้น
หากคนธรรมดาทั่วไปต้องการจะสืบเรื่องราวให้มากขึ้น อาจจะทำให้สำนักกระบี่ทมิฬสงสัยได้
“ข้าคิดว่าพรุ่งนี้ข้าจะไป…ผาธารใส”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น
“บางทีเราอาจจะได้เบาะแสที่เกี่ยวกับผาธารใสจากทางนั้นบ้าง”
ไม่ได้อยู่กับนางเพียงวันเดียว ก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเช่นนี้แล้ว
ยังดีที่นางไม่ได้รับอันตราย
แต่เขาก็ไม่สามารถวางใจได้
ท่าเรือดอกท้อแห่งนี้มีอันตรายอยู่ทุกหนแห่ง
ดังนั้นเขาจะต้องปกป้องคนของเขาเป็นอย่างดี
…
ค่ำคืนหนึ่งผ่านไปโดยที่นางไม่ได้หลับฝัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวปลอมตัวกันเล็กน้อย และเดินทางติดตามซานซานไปที่ผาธารใสอย่างเงียบเชียบ
บนท้องถนนครึกครื้นเป็นอย่างมาก
ซานซานพาพวกเขาเดินตามซอกซอยที่ไม่มีผู้คน พร้อมมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย
ทั้งสามคนเดินทางกันอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยาม ก็มาถึงจุดหมายแล้ว
“นายท่าน ฝ่าบาท นั่นก็คือผาธารใส”
ซานซานยืนนิ่งแล้วยกมือชี้ไปด้านหน้า
ฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวมองตรงไป
บริเวณไม่ไกลกันนั้นมีเทือกเขาสลับซับซ้อน ยอดเขาเรียงราย
แต่ในตำแหน่งตรงกลางกลับมีภูเขาลูกหนึ่งที่ถูกผ่าออกเป็นสองส่วน
เมื่อเปรียบเทียบกับยอดเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านข้างแล้ว ภูเขาลูกนี้เตี้ยกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
อีกทั้งก้อนหินยังเป็นสีดำไหม้เกรียม ไม่มีต้นหญ้าขึ้น ดูแล้วเป็นเพียงสถานที่รกร้างว่างเปล่า
แต่หากมองดีๆ แล้ว กลับมีเส้นทางคดเคี้ยวมุ่งตรงไปที่ด้านใน
ทำให้มองเห็นแสงสว่างปลายทางได้อย่างเลือนราง
ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวก็เดินติดตามกันไปอย่างใกล้ชิด
หลังจากเดินไประยะ ฉู่หลิวเยว่ก็กวาดสายตามองรอบข้าง
“คนที่มาที่นี่…เหมือนว่าจะมีจำนวนเยอะมาก”
นางเห็นว่ามีคนเดินผ่านไปมา
เพียงแต่ว่าคนเหล่านั้นเหมือนจะหลีกเลี่ยงเส้นทางเส้นนี้ และหลีกเลี่ยงที่จะมาผาธารใส
ซานซานหันศีรษะกลับมามอง แล้วอธิบายด้วยเสียงหัวเราะว่า
“นายท่าน ท่านคงยังไม่รู้ ตั้งแต่ที่ข้าได้รับโชคจากผาธารใส คนของท่าเรือดอกท้อก็ชอบมาที่นี่เพราะอยากเพลิดเพลินกับความสนุกสนาน และยังหวังว่าจะได้รับโอกาสเช่นเดียวกันกับข้า! เพียงแต่ว่าปีสองปีที่ผ่านมา ทุกคนล้วนไม่ได้รับของวิเศษอันใดเลย คนที่มาที่นี่จึงน้อยลง ตอนนี้ท่านก็เห็นแล้วว่าที่แห่งนี้มีคนอยู่ไม่มาก ต้องบอกก่อนว่าในตอนแรกสถานที่นี้เป็นเพียงแค่ป่ารกร้าง แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนมาตามหาขุมทรัพย์!”
“ส่วนเรื่องที่เหตุใดเขาถึงต้องหลีกเลี่ยงผาธารใส…นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเขารู้ว่าข้าเป็นเจ้าของของสถานที่แห่งนี้!”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้น แต่กลับพูดแทงใจอย่างไร้ความปรานีว่า
“ไม่ใช่เพราะพวกเขารู้ว่าสถานที่แห่งนี้ถูกสำนักกระบี่ทมิฬจับตามองอยู่หรือ?”
ใบหน้าของซานซานแข็งทื่อไป เขาจึงบ่นพึมพำขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า
“เรื่องนี้ท่านเข้าใจกันเองก็พอแล้ว เหตุใดต้องพูดหักหน้าข้าด้วยเล่า…”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...