………………..
ซานซานเดินไปที่ริมขอบของม่านพลัง ก่อนจะหันกลับมามองหน้าทั้งสองคน
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าให้อย่างไร้เสียง
ซานซานถึงได้ยื่นมือออกไป ทันใดนั้นเองเปลวเพลิงสีน้ำเงินกลุ่มหนึ่งก็พวยพุ่งออกมา! แล้วปกคลุมม่านพลังนั้นเอาไว้!
บางทีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะส่งผลกระทบมากเกินไป ตอนที่ซานซานยื่นมือออกไปนั้น เขายังรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย
แต่ตอนที่เห็นว่าเปลวเพลิงกำลังลุกไหม้ม่านพลังอย่างปกติ และสามารถเปิดม่านพลังได้อย่างราบรื่น เขาจึงรู้สึกโล่งอกขึ้นมา
ค่อยยังชั่ว…
เหมือนว่าสิ่งที่นายท่านทำเมื่อครู่นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ขนาดเล็กแห่งนี้
ไม่อย่างนั้นแล้วละก็ เกรงว่าวันนี้พวกเขาคงยากที่จะได้ออกจากที่แห่งนี้ และตอนที่เจอกับบุคคลภายนอก เขาก็ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างใดดี
ซานซานสงบสติอารมณ์ของตนเอง ก่อนจะก้าวเดินออกมาจากช่องว่างระหว่างมิติ!
ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวก็เดินติดตามกันออกไปด้วย
หลังจากเงาร่างทั้งสามออกไปแล้ว ม่านพลังก็ปิดลงอีกครั้ง
ภายในพื้นที่มิติขนาดเล็กปกคลุมด้วยความเงียบอีกครั้งแล้ว
…
ซานซานเพิ่งจะออกมา จากนั้นก็เห็นว่ามีคนสองสามคนกำลังยืนรออยู่ด้านนอก
พวกเขาสวมชุดสีดำทั้งร่าง หน้าอกซ้ายปักด้วยสัญลักษณ์กระบี่คู่ล้อมดวงจันทร์
นั่นคือสำนักกระบี่ทมิฬ
อีกทั้งหัวหน้าของคนเหล่านี้ก็เหมือนจะเป็นคนรู้จักของซานซานด้วย
“ใต้เท้ามั่วหลิน ท่านมาที่นี่ได้อย่างใด?”
ในสำนักกระบี่ทมิฬมั่วหลินมีฐานะไม่ต่ำต้อย เขาถือว่าเป็นมือขวาของมั่วอวิ๋น
มีเรื่องหลายเรื่องที่เขาออกหน้าจัดการแทนมั่วอวิ๋น
ดังนั้นเมื่อซานซานเห็นหน้าเขาจึงมีท่าทางกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก
มั่วหลินและคนอื่นๆ ที่กำลังรอคอยอย่างหมดความอดทน เมื่อเขาเห็นซานซานออกมา สีหน้าถึงจะอ่อนลงหลายส่วน
“เถ้าแก่ซาน”
มั่วหลินเดินก้าวขึ้นมา
เขาดูเหมือนคนอายุสามสิบกว่า รูปร่างผอมสูง องคาพยพทั้งห้าธรรมดา มีเพียงดวงตาคู่นั้นเท่านั้นที่เย็นชาและเฉียบคม จนสามารถมองเห็นได้ถึงความเฉลียวฉลาดและโหดเหี้ยม
“เมื่อครู่นี้ข้าตะโกนเรียกเจ้าอยู่ตั้งหลายครั้งแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับเลย พวกเรายังคิดว่าเจ้าน่าจะไม่ได้อยู่ด้านใน”
ขณะที่เขาพูดนั้นมุมปากก็ยกยิ้มขึ้น แต่หางตากลับยังมีความเย็นชาอยู่เช่นเดิม
ซานซานก็ไม่กล้าละเลยเขาแม้แต่น้อย เขาจึงรีบอธิบายพร้อมรอยยิ้มว่า
“ใต้เท้ามั่วหลิน ขอโทษจริงๆ นะขอรับ เมื่อครู่นี้ข้ากำลังจัดการสมุนไพรอยู่จนทำให้ไม่ได้ยินเสียงของท่าน แต่หลังจากที่ข้าได้ยินแล้ว ข้าก็รีบออกมาในทันที ได้โปรดเข้าใจข้าน้อยด้วยนะขอรับ!”
มั่วหลินกวาดสายตามองเขาอยู่ครู่หนึ่ง
ใบหน้ากลมเกลี้ยงของซานซานมีสีแดงแซมอยู่ บนหน้าผากก็มีเม็ดเหงื่อผุดพราย ลมหายใจหอบถี่ ดูเหมือนว่าเขาจะรีบออกมาจริงๆ
เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าที่ซานซานมีท่าทางเช่นนี้ เป็นเพราะว่าเขากำลังตกใจกับท่าทางของนายท่านเมื่อครู่นี้ต่างหาก
เมื่อซานซานเห็นมีท่าทางเช่นนี้ ความไม่พอใจของมั่วหลินก็จางหายไปไม่น้อยเลยทีเดียว ความเย็นชาภายในดวงตาก็ค่อยๆ จางไป
“หึๆ เถ้าแก่ซานไม่ต้องตื่นตระหนก ครั้งนี้เป็นพวกเราที่หุนหันพลันแล่นมากเกินไป หากข้ามารบกวนท่าน ต้องขออภัยจริงๆ”
ใบหน้าของซานซานประดับด้วยรอยยิ้มกระตือรือร้น แต่ภายในใจกลับด่าบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของอีกฝ่ายแล้ว
ขออภัยอย่างนั้นหรือ?
แต่เขาไม่เห็นท่าทางสำนึกผิดของอีกฝ่ายเลย!
เรื่องที่ไม่ควรทำก็ทำมาหมดแล้ว ในเวลานี้กลับมาพูดว่า “ขออภัย” แบบนี้มันเหมือนเป็นการถอดกางเกงแล้วผายลม…ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลย!
“ใต้เท้ามั่วหลินงานยุ่งมากอยู่แล้ว แล้วเหตุใดวันนี้ถึงมีเวลามาหาข้าที่นี่ได้? มีเรื่องสำคัญอันใดหรือ?”
ซานซานอยากจะรีบออกไปให้เร็วที่สุด ดังนั้นเขาจึงใช้คำพูดที่มีมารยาทอย่างมาก
มั่วหลินกล่าวว่า
“ความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เพียงแต่คนของพวกเราพบว่า…”
เขายังพูดไม่ทันจบ แต่สายตาก็หันไปมองทางหรงซิวและฉู่หลิวเยว่ที่เพิ่งเดินติดตามซานซานออกมา
“สองคนนี้คือ…”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...