“อ๋อ เพราะเหตุใดหรือ” ฉู่หลิวเยว่แปลกใจเล็กน้อย
“แน่นนอน ย่อมเป็นเพราะหน้าตาอันหล่อเหลาของเขาน่ะซี่”
มู่หงอวี๋อุทานออกมา
“เจ้าคงไม่คิดว่าท่านหลีอ๋องหน้าตาบ้านๆ หรอกกระมัง”
สายตาของฉู่หลิวเยว่ก็ไม่น่ามีปัญหานี่นา…
“…”
หางตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกยิกๆ นางพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
มิใช่ว่าที่มู่หงอวี๋พูดจะไร้เหตผลเสียทีเดียว ใบหน้ารูปงามมีเสน่ห่เช่นนั้นมีความสามารถในการล่อลวงจริงๆ
“เมื่อก่อน ผู้ที่ได้รับความนิยมเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดคือองค์รัชทายาท จากข้อเท็จจริง องค์ชายรัชทายาทก็ถือว่าเป็นองค์ชายรูปงาม เพียงแต่ว่าถ้าหากเทียบกับองค์ชายหรงซิวแล้วล่ะก็…จุ๊ๆ ไม่ได้เท่าขี้เล็บ!”
ความแตกต่างของความสง่างามนั้นราวฟ้ากับเหว!
“ข้าได้ยินมาว่าตอนนั้นเสด็จแม่ของหลีอ๋องเป็นที่รักและโปรดปรานของฝ่าบาท นางสนมที่โปรดปรานที่สุดในปัจจุบันไม่สามารถเทียบได้กับพระองค์ได้เลย เมื่อเห็นพระพักตร์ของหลีอ๋อง ก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าเพราะเหตุใด! ทันทีที่เขาปรากฏตัวเมื่อวานนี้ สตรีนับไม่ถ้วนก็หลงใหลได้ปลื้มเหลียวมองเขาคอแทบเคล็ด!
ฉู่หลิวเยว่นึกขึ้นได้ว่าวันก่อน หรงซิวเพียงแค่นอนงีบหลับในเรือนอี๋เฟิงเงียบๆ ก็สามารถทำให้สาวๆ หลงใหลได้
นางรู้สึกอึดอัดในใจอย่างอธิบายไม่ถูก กระนั้นนางกลับไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา
นางพลิกดูหนังสือเล่มเล็กในมือเงียบๆ แล้วถามเรื่อยเปื่อย
“หลีอ๋องเกิดมารูปงาม แต่เขาป่วยติดเตียงมานานหลายปี แล้วร่างกายก็ยังอ่อนแอมาก แบบนี้พวกนางไม่ถือหรือ”
“แล้วอย่างไรเล่า เจ้าลืมหรือว่าตอนนี้เขาเป็นถึงองค์ชายเจ็ด…องค์ชายที่ดำรงตำแหน่งหลีอ๋องเชียวนะ! ด้วยสมญานามนี้อันเดียว ก็ไม่รู้ว่าตกสตรีไปกี่คนแล้ว มิหนำซ้ำเขายังรูปงามอีกด้วย ข้าว่า มีหญิงสาวหลายคนที่ยินยอมพร้อมใจดูแลเขาแน่ๆ”
มือของฉู่หลิวเยว่หยุดชะงัก
“…จะว่าอย่างนั้นก็ใช่”
“ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้หลีอ๋องจะพำนักในสำนักชั่วคราว ใครหลายคนต่างก็มีความหวังกันทั้งนั้น! เพียงแต่ว่า โชคดีที่เรือนพักที่เขาอยู่ค่อนข้างพิเศษ นักเรียนทั่วไปไม่กล้าไปใกล้แถวนั้นสักเท่าไหร่ ข้าจำได้ว่าเรือนพักของเจ้าก็อยู่ไม่ไกลจากที่นั่นใช่หรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่ช้อนสายตามองนาง
“เจ้าต้องการจะพูดสิ่งใดกันแน่”
มู่หงอวี๋หัวเราะแหะๆ
“ก็ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็แค่คิดว่าหลีอ๋องท่านนี้ ดูเหมือนจะดีกับเจ้าเป็นพิเศษ!”
แม้ว่านางจะลดเสียงลง ทว่านิสัยติฉินนินทาของนางกำลังแผดเผาลุกโชน
“หลังจากที่หลีอ๋องเสด็จกลับเมืองหลวง ก็ไม่เคยออกมาปรากฏตัวเลย ทว่ากลับออกมาช่วยเจ้าในงานเลี้ยงวันเกิดรัชทายาทเพียงแค่งานเดียวเท่านั้น นี่มิใช่เรื่องแปลกหรือ อีกอย่าง ข้ามักจะรู้สึกว่า การกระทำของเขาที่ปฏิบัติต่อเจ้าช่างแตกต่างเหลือเกิน…”
แววตาของฉู่หลิวเยว่วูบไหวเล็กน้อย จากนั้นนางก็ยกหนังสือขึ้นมาเคาะหน้าผากมู่หงอวี๋
“ที่แท้ที่เจ้าบอกว่าว่าง เพราะเจ้ามัวแต่เอาเวลาไปคิดเรื่องพวกนี้นี่เองใช่หรือไม่”
“ไอ้หยา!”
มู่หงอวี๋ลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ
“ข้าก็แค่ล้อเล่นเองนี่นา!”
“ข้าว่าเจ้ายังเจ็บน้อยไปด้วยซ้ำ เวลาฝึกฝนของเจ้าก็ใกล้จะหมดลงแล้วมิใช่หรือ”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ มู่หงอวี๋ก็เบะปากทันที
“ก็ใช่น่ะสิ! ตอนนั้นเพื่อที่จะได้ไปบรรพตวั่นหลิง ข้าเข้าไปฝึกบำเพ็ญในหอคอยจิ่วโยวตั้งหลายครั้ง! แต่ตอนนี้ก็ยังไม่บรรลุเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สี่สักที่!”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง
“เจ้าอยากบรรลุขั้นใช่หรือไม่”
“เจ้ามีวิธีหรือ”
“อันที่จริง ตอนนี้เจ้าก็น่าจะบรรลุขั้นได้แล้ว รอร่างกายเจ้าหายดีเมื่อไหร่ค่อยฝึกอีกสักระยะหนึ่ง ก็จะสามารถบรรลุเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ได้อย่างราบรื่นแล้วล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์