“อะไรนะ! นี่เจ้าเอาแผนภาพค่ายกลระดับห้าไปแลกเวลาฝึกมาหนึ่งร้อยชั่วยามอย่างนั้นหรือ!”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของฉู่หลิวเยว่ มู่หงอวี๋ก็กระโดดขึ้นด้วยความตกใจ
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”
ฉู่หลิวเยว่ยื่นป้ายชื่อของนางให้มู่หงอวี๋อย่างใจเย็น
“ข้าให้เจ้ายืมยี่สิบชั่วยามก่อน กลับมาค่อยเอามาคืนข้าก็ได้”
มู่หงอวี๋ยกมือขึ้นมาปิดหน้าด้วยความสิ้นหวัง
“ผู้อาวโสเว่ยอวิ๋นไม่ด่าเจ้าหรือไร! เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผนภาพค่ายกลระดับห้าแพงมากแค่ไหน! หากเจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ เจ้าอาจจะไม่ได้ใช้แผนภาพค่ายกลนี้ แต่เจ้าเป็นปรมาจารย์เชียวนะ!”
“เดิมทีแผนภาพค่ายกลนี้ก็มิใช่ของข้าอยู่แล้ว ข้าชนะกู้หมิงจูกลับมาได้ เอามาใช้แลกเวลาหนึ่งร้อยชั่วยามไม่ดีหรือไร”
“แต่กู้หมิงจูก็ไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้นี่นา”
มู่หงอวี๋มองสีหน้าไม่ยี่หระของฉู่หลิวเยว่ก็โมโหจนพูดอะไรไม่ออก
ย้อนกลับไปตอนที่กู้หมิงจูเป็นไข่ในหินของตระกูลกู้ นางยังตัดใจทำเช่นนี้ไม่ได้เลย แล้วฉู่หลิวเยว่ไม่รู้สึกเสียดายมันสักนิดเลยหรือ
“หากต่อไปเจ้าอยากบรรลุเป็นปรมาจารย์ขั้นห้า แต่เจ้ากลับไม่มีแผนภาพค่ายกลเพื่อศึกษา เจ้าจะทำเยี่ยงไร”
“อ๋อ ข้ายังมีอีกม้วนหนึ่ง”
สัตว์อสูรในบรรพตวั่นหลิงล้วนถูกฆ่าตายจนหมดเกลี้ยงแล้ว หากจะใช้หยวนตันของสัตว์อสูรมาแลกเวลาฝึกคงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
และความสามารถในการปรุงยานั้น…นางยังเปิดเผยตอนนี้ไม่ได้
เมื่อคิดถึงข้อนี้ นางว่าใช้แผนภาพค่ายกลนี่แหละ เหมาะสมที่สุดแล้ว
ทว่ามู่หงอวี๋กลับจับสังเกตได้ แล้วฉู่หลิวเยว่ก็ไม่สามารถโน้มน้าวนางได้เหมือนกัน
นางรับป้ายชื่อมาด้วยความเจ็บปวด จนมือไม้สั่นไปหมด
ตกลงนางคบคนประเภทใดกันแน่!
แผนภาพค่ายกลระดับห้าในสายตาของนางไม่มีค่ามีความหมายอะไรเลยใช่หรือไม่
“หลิงเยว่ เจ้าบอกข้ามาตามตรง ไอ้ที่เหลืออีกหนึ่งม้วนนั่น เจ้าคิดจะเอาไปแลกเวลาอีกใช่หรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่ฉีกยิ้ม
“เจ้าเดาออกแล้วหรือ”
“…”
“แผนภาพค่ายกลระดับสามแลกเวลาได้แค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้นเอง คิดไปคิดมา ข้าว่าแผนภาพค่ายกลระดับห้าคุ้มกว่าเยอะเลย”
“…”
“อันนี้น่าจะใช้ได้ไปสักระยะ เดี๋ยวถ้าใช้หมดแล้ว ข้าค่อยไปหาแผนภาพค่ายกลมาเพิ่มอีกก็ได้”
“หลิวเยว่ แผนภาพค่ายกลไม่ใช่ผักกาดขาวนะ! พอถึงตอนนั้นเจ้าจะหามาได้อย่างไร!”
“อ๋อ ถ้าหากว่าหามาไม่ได้ ข้าวาดเองเสียก็สิ้นเรื่อง”
“…”
มู่หงอวี๋ชูกำปั้นซูฮกนาง
“ไร้เทียมทาน”
เคยได้ยินมาว่าการวาดแผนภาพค่ายกลสักอันนั้นเปลืองสมองมาก แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่สะทกสะท้านของฉู่หลิวเยว่แล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร ดังนั้นมู่หงอวี๋จึงไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก
ความนึกคิดของผู้เป็นอัจฉริยะช่างแตกต่างจากคนทั่วไปจริงๆ
ฉู่หลิวเยว่เบนสายตามองมู่หงอวี๋แล้วก็อดขำมิได้
เรื่องนี้สำหรับผู้อื่นแล้วบางทีอาจจะยากเกินความสามารถ ทว่าสำหรับนางกลับเป็นเรื่องง่ายดายประหนึ่งปอกกล้วยเข้าปาก
ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะยังเป็นเพียงปรมาจารย์ขั้นสอง แต่นางมีแผนภาพค่ายกลห้าม้วนเก็บไว้ในใจของนางแล้ว
เมื่อถึงเวลานั้นขีดๆ เขียนๆ วาดเป็นรูปเป็นร่างออกมาก็ใช้ได้แล้ว
“เอาล่ะ ไม่ต้องคิดมาก งานสมาคมเยาวชนใกล้เข้ามาถึงแล้ว เจ้าเตรียมตัวให้ดีเถิด”
เมื่อกล่าวจบ ฉู่หลิวเยว่ก็รูดบัตรให้นางยืมเวลาไปยี่สิบชั่วยาม จากนั้นนางก็เอาป้ายชื่อกลับมาก่อนจะจากไป
…
เมื่อฉู่หลิวเยว่กลับมายังที่พักของนาง นางพบว่าสองฝั่งแม่น้ำซวงชิงที่เคยเงียบสงบมาก่อน ตอนนี้กลับดูคึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นมากในทันใด
ไม่ว่าจะเป็นบริเวณริมแม่น้ำหรือบนสะพาน ดูเหมือนจะมีคนจำนวนมากในชั่วพริบตา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกนางล้วนเป็นหญิงงามหุ่นบางร่างเล็ก
สายตาของพวกนางต่างมองไปยังทิศทางหนึ่งเป็นบางครั้งบางคราว
ฉู่หลิวเยว่มองตามสายตาของพวกนางไป
…ที่แท้ก็มองไปที่ลานอี๋เฟิงนี่เอง
แต่วันนี้เขาไม่ได้พักผ่อนตรงบริเวณลานบ้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์