ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 187

“อะไรนะ! นี่เจ้าเอาแผนภาพค่ายกลระดับห้าไปแลกเวลาฝึกมาหนึ่งร้อยชั่วยามอย่างนั้นหรือ!”

เมื่อได้ยินคำอธิบายของฉู่หลิวเยว่ มู่หงอวี๋ก็กระโดดขึ้นด้วยความตกใจ

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”

ฉู่หลิวเยว่ยื่นป้ายชื่อของนางให้มู่หงอวี๋อย่างใจเย็น

“ข้าให้เจ้ายืมยี่สิบชั่วยามก่อน กลับมาค่อยเอามาคืนข้าก็ได้”

มู่หงอวี๋ยกมือขึ้นมาปิดหน้าด้วยความสิ้นหวัง

“ผู้อาวโสเว่ยอวิ๋นไม่ด่าเจ้าหรือไร! เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผนภาพค่ายกลระดับห้าแพงมากแค่ไหน! หากเจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ เจ้าอาจจะไม่ได้ใช้แผนภาพค่ายกลนี้ แต่เจ้าเป็นปรมาจารย์เชียวนะ!”

“เดิมทีแผนภาพค่ายกลนี้ก็มิใช่ของข้าอยู่แล้ว ข้าชนะกู้หมิงจูกลับมาได้ เอามาใช้แลกเวลาหนึ่งร้อยชั่วยามไม่ดีหรือไร”

“แต่กู้หมิงจูก็ไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้นี่นา”

มู่หงอวี๋มองสีหน้าไม่ยี่หระของฉู่หลิวเยว่ก็โมโหจนพูดอะไรไม่ออก

ย้อนกลับไปตอนที่กู้หมิงจูเป็นไข่ในหินของตระกูลกู้ นางยังตัดใจทำเช่นนี้ไม่ได้เลย แล้วฉู่หลิวเยว่ไม่รู้สึกเสียดายมันสักนิดเลยหรือ

“หากต่อไปเจ้าอยากบรรลุเป็นปรมาจารย์ขั้นห้า แต่เจ้ากลับไม่มีแผนภาพค่ายกลเพื่อศึกษา เจ้าจะทำเยี่ยงไร”

“อ๋อ ข้ายังมีอีกม้วนหนึ่ง”

สัตว์อสูรในบรรพตวั่นหลิงล้วนถูกฆ่าตายจนหมดเกลี้ยงแล้ว หากจะใช้หยวนตันของสัตว์อสูรมาแลกเวลาฝึกคงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

และความสามารถในการปรุงยานั้น…นางยังเปิดเผยตอนนี้ไม่ได้

เมื่อคิดถึงข้อนี้ นางว่าใช้แผนภาพค่ายกลนี่แหละ เหมาะสมที่สุดแล้ว

ทว่ามู่หงอวี๋กลับจับสังเกตได้ แล้วฉู่หลิวเยว่ก็ไม่สามารถโน้มน้าวนางได้เหมือนกัน

นางรับป้ายชื่อมาด้วยความเจ็บปวด จนมือไม้สั่นไปหมด

ตกลงนางคบคนประเภทใดกันแน่!

แผนภาพค่ายกลระดับห้าในสายตาของนางไม่มีค่ามีความหมายอะไรเลยใช่หรือไม่

“หลิงเยว่ เจ้าบอกข้ามาตามตรง ไอ้ที่เหลืออีกหนึ่งม้วนนั่น เจ้าคิดจะเอาไปแลกเวลาอีกใช่หรือไม่”

ฉู่หลิวเยว่ฉีกยิ้ม

“เจ้าเดาออกแล้วหรือ”

“…”

“แผนภาพค่ายกลระดับสามแลกเวลาได้แค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้นเอง คิดไปคิดมา ข้าว่าแผนภาพค่ายกลระดับห้าคุ้มกว่าเยอะเลย”

“…”

“อันนี้น่าจะใช้ได้ไปสักระยะ เดี๋ยวถ้าใช้หมดแล้ว ข้าค่อยไปหาแผนภาพค่ายกลมาเพิ่มอีกก็ได้”

“หลิวเยว่ แผนภาพค่ายกลไม่ใช่ผักกาดขาวนะ! พอถึงตอนนั้นเจ้าจะหามาได้อย่างไร!”

“อ๋อ ถ้าหากว่าหามาไม่ได้ ข้าวาดเองเสียก็สิ้นเรื่อง”

“…”

มู่หงอวี๋ชูกำปั้นซูฮกนาง

“ไร้เทียมทาน”

เคยได้ยินมาว่าการวาดแผนภาพค่ายกลสักอันนั้นเปลืองสมองมาก แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่สะทกสะท้านของฉู่หลิวเยว่แล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร ดังนั้นมู่หงอวี๋จึงไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก

ความนึกคิดของผู้เป็นอัจฉริยะช่างแตกต่างจากคนทั่วไปจริงๆ

ฉู่หลิวเยว่เบนสายตามองมู่หงอวี๋แล้วก็อดขำมิได้

เรื่องนี้สำหรับผู้อื่นแล้วบางทีอาจจะยากเกินความสามารถ ทว่าสำหรับนางกลับเป็นเรื่องง่ายดายประหนึ่งปอกกล้วยเข้าปาก

ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะยังเป็นเพียงปรมาจารย์ขั้นสอง แต่นางมีแผนภาพค่ายกลห้าม้วนเก็บไว้ในใจของนางแล้ว

เมื่อถึงเวลานั้นขีดๆ เขียนๆ วาดเป็นรูปเป็นร่างออกมาก็ใช้ได้แล้ว

“เอาล่ะ ไม่ต้องคิดมาก งานสมาคมเยาวชนใกล้เข้ามาถึงแล้ว เจ้าเตรียมตัวให้ดีเถิด”

เมื่อกล่าวจบ ฉู่หลิวเยว่ก็รูดบัตรให้นางยืมเวลาไปยี่สิบชั่วยาม จากนั้นนางก็เอาป้ายชื่อกลับมาก่อนจะจากไป

เมื่อฉู่หลิวเยว่กลับมายังที่พักของนาง นางพบว่าสองฝั่งแม่น้ำซวงชิงที่เคยเงียบสงบมาก่อน ตอนนี้กลับดูคึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นมากในทันใด

ไม่ว่าจะเป็นบริเวณริมแม่น้ำหรือบนสะพาน ดูเหมือนจะมีคนจำนวนมากในชั่วพริบตา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกนางล้วนเป็นหญิงงามหุ่นบางร่างเล็ก

สายตาของพวกนางต่างมองไปยังทิศทางหนึ่งเป็นบางครั้งบางคราว

ฉู่หลิวเยว่มองตามสายตาของพวกนางไป

…ที่แท้ก็มองไปที่ลานอี๋เฟิงนี่เอง

แต่วันนี้เขาไม่ได้พักผ่อนตรงบริเวณลานบ้าน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์