………………..
ความจริงแล้วตั้งแต่เห็นมั่วอวิ๋นเดินเข้ามาในค่ายกล ซานซานก็รู้อยู่แล้วว่า พวกเขาไม่สามารถกลับออกไปได้
แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขายังคงเสแสร้งทำเป็นประหลาดใจ
“นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ? รองประมุข ก่อนหน้านี้พวกเราตกลงกันเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือ รอจนท่านจัดการเรื่องภายในยอดเขาหลานชิงเสร็จสิ้น ท่านก็จะปล่อยพวกเราไป?”
สีหน้าของมั่วอวิ๋นยังคงราบเรียบเย็นชา
จะจับกุมหรือจะปล่อยตัว อยู่ที่คำพูดของเขาประโยคเดียว
เดิมทีที่พวกเขาจับกุมคนเหล่านี้เอาไว้ เพราะกลัวว่าคนเหล่านี้จะแพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นภายในยอดเขาหลานชิงออกไป
แต่ต่อมาเขาจึงได้พบว่า สิ่งที่เขากังวลนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระ
เพราะสถานการณ์ลุกลามเกินกว่าที่เขาจะคาดการณ์เอาไว้!
จนตอนนี้ วันนี้เพิ่งผ่านมาแค่ไม่กี่วันคนทั้งท่าเรือดอกท้อก็รู้เรื่องเปลวเพลิงที่ลุกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเหล่านี้แล้ว
หากจะปกปิดต่อไปก็ไม่มีประโยชน์
ดังนั้นในตอนที่เขาตระหนักเรื่องนี้ เขาก็คิดจะปล่อยคนเหล่านี้ออกไป
แต่เขายังไม่ทันทำเช่นนั้นก็ดันเกิดเรื่องอันใดบางอย่างขึ้น
และเหตุการณ์นั้นทำให้เขาต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อมาหาอีกฝ่ายด้วยตนเอง
“เถ้าแก่ซานตามข้ามาก่อนก็พอ รอจนถึงยอดเขาหลานชิงเจ้าก็จะรู้เอง”
ซานซานตกตะลึงไป
ยังต้องไปที่ยอดเขาหลานชิงอีกหรือ?
ก่อนหน้านี้มั่วอวิ๋นและคนอื่นๆ หวาดกลัวกันมากไม่ใช่หรือ?
แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงได้…
มั่วอวิ๋นหมุนตัวเดินจากไปแล้ว ซานซานก็ไม่กล้ารอช้า เขาเหลือบสายตามองทางฉู่หลิวเยว่และหรงซิวที่อยู่ด้านหลัง และรีบติดตามไปในทันที
ซานซานรู้แล้วว่าสถานการณ์คงไม่ได้ดีมากนัก เขาก็ไม่กล้าถามมาก ดังนั้นจึงเดินติดตามไปด้านหลังอย่างเชื่อฟัง และไม่พูดอันใดสักคำ
เขาเกรงว่าหากพูดอันใดออกไปแล้วทำให้คนผู้นี้โมโหขึ้นมาได้
ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวเดินตามอยู่ด้านหลัง ซึ่งเขาได้ลดการมีตัวตนของตนเองอย่างที่สุดแล้ว
ขณะที่เดินไปด้วย ฉู่หลิวเยว่ก็ลอบครุ่นคิดภายในใจ
ดูจากสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ที่มั่วอวิ๋นเดินทางกลับมาที่นี่ ก็เพื่อมาหาซานซานโดยเฉพาะ
นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ เขาจำเป็นจะต้องมาด้วยตัวเองเชียวหรือ?
…
ระหว่างทางไม่มีคำพูดอันใดเลย บรรยากาศกดดันเป็นอย่างมาก
อีกทั้งยังต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งกว่าจะถึงยอดเขาหลานชิง ฉู่หลิวเยว่กลับมองเห็นประกายไฟที่พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าจากในระยะไกลแล้ว
เปลวเพลิงเหล่านั้นคือเปลวเพลิงที่เผาไหม้ยอดเขาหลานชิง
นางขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันเท่านั้นเอง เปลวเพลิงบนยอดเขาหลานชิง กลับไม่เพียงไม่สามารถควบคุมได้ แต่ยังทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพลบค่ำแล้ว ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
แสงของเปลวเพลิงเหล่านั้นสะท้อนเข้ากับกลุ่มเมฆที่รวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้า จนเรืองรองกลายเป็นลำแสงแปลกประหลาด
คนที่ยืนอยู่บริเวณโดยรอบยอดเขาหลานชิงก็มีจำนวนไม่น้อย
หนึ่งในนั้นเป็นกลุ่มคนของสำนักกระบี่ทมิฬ แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนจากทุกพื้นที่ของท่าเรือดอกท้อ
เรื่องใหญ่เช่นนี้ คนที่สามารถมาได้ก็มากันหมดแล้ว
กลุ่มคนเดินไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดเมื่อพวกเขามาอยู่ด้านหน้าของยอดเขาหลานชิง พวกเขาก็ได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างอย่างชัดเจน ฉู่หลิวเยว่ถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า เหตุใดมั่วอวิ๋นถึงมาเรียกซานซานด้วยตนเอง
แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือ เปลวเพลิงสีน้ำเงินได้ก่อร่างเป็นลักษณะวงกลมอยู่บริเวณไหล่เขา ซึ่งล้อมรอบยอดเขาหลานชิงเอาไว้!



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...