………………..
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
อักขระลึกลับนั้นเหมือนมีแรงกดดันและลมปราณที่ไม่สามารถอธิบายได้ จนทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่รู้สึกตัว
อ้างว้าง เคร่งขรึม เลื่อนลอย ศักดิ์สิทธิ์!
ในตอนนั้นเองนางก็สังเกตได้ว่าภายในอักขระที่ซับซ้อนขนาดเล็กมีแสงสว่างส่องประกายขึ้นมาอีกครั้ง!
“เยว่เออร์? เยว่เออร์!”
เสียงที่เย็นชาและทุ้มต่ำของหรงซิวก็ดังขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่ดึงสติกลับมา จากนั้นก็เงยหน้ามองเขา
“เกิดอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
หรงซิวมองหน้านาง ดวงตาหงส์ลึกล้ำมากขึ้น
“เมื่อครู่นี้…เจ้ามองมันจนเหม่อลอยไป”
เหม่อลอย?
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่มีประกายความมึนงงฉายชัดขึ้น
ซานซานที่อยู่ด้านข้างก็พูดอธิบายขึ้นมา
“ใช่แล้ว! นายท่าน ท่านใช้เวลาในการจ้องมองโล่สีดำอันนั้นไปครึ่งเค่อแล้วขอรับ! พวกเราเรียกท่านมาหลายรอบแล้ว!”
เหตุการณ์นั้นเหมือนกับว่าวิญญาณของนางหลุดออกจากร่างไปแล้ว เขาจึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ยังดีที่หรงซิวยังอยู่ที่นี่ ในที่สุดก็สามารถเรียกสตินายท่านได้
ฉู่หลิวเยว่อ้าปากค้าง
“…ครึ่งเค่อ?”
คาดไม่ถึงว่านางจะใช้เวลานานขนาดนั้น
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก
เหมือนว่านางได้เห็นกับอันใดหลายอย่าง แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปแล้ว เหมือนว่านางจะไม่ได้เห็นอันใดเลย
นางหลุบตาต่ำลงไปเล็กน้อย
ภายในอักขระลึกลับที่เลือนรางนี้ หากมองอย่างละเอียดแล้ว ก็จะเห็นว่าเหมือนมีร่องรอยอันใดบางอย่างอยู่ภายใน
ถ้าไม่ได้ตั้งใจสังเกตอย่างละเอียด ไม่มีใครสามารถสัมผัสเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน
นางรู้ว่าภายในโล่สีดำอันนี้…จะต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่อย่างแน่นอน!
“…ไม่มีอันใด ข้าแค่เพิ่งค้นพบว่าของสิ่งนี้…เหมือนจะมีภูมิหลังที่ลึกลับกว่าที่ข้าคาดเอาไว้ตั้งแต่ในตอนแรก”
มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้นางก็รู้ว่า โล่สีดำอันนี้ไม่ทำอันใดอย่างแน่นอน
แต่ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามันเกินความคาดหมายของนางไปไม่น้อยเลย
เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่มองเห็นอักขระลึกลับนั้น แรงกดดันจำนวนมหาศาลและหนักแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก ทำให้หัวใจของนางเต้นแรงระรัวอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เหมือนกับว่าเลือดทั้งร่างกายของนางกำลังเดือดพล่านอยู่ก็ไม่ปาน!
ความมืดมนปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
ซานซานถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“นายท่าน เมื่อครู่นี้…อันใดที่พุ่งผ่านออกมาจากเปลวเพลิงหรือขอรับ? ของสิ่งนั้นมันพุ่งมาที่ท่าน
จริงๆ หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย
“เมื่อครู่นี้เจ้ามองไม่เห็นหรือ?”
แม้ว่าผลึกสีน้ำเงินจะพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง แต่หลังจากที่มันหล่นลงมาแล้วมันก็อยู่ที่โล่สีดำนั้นเป็นระยะเวลานาน
ตามหลักการแล้วเขาน่าจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนนี่นา…
นี่นายท่านกำลังรังเกียจที่เขามีฝีมืออ่อนแอ แล้วยังสายตาไม่ดีใช่หรือไม่?
เมื่อเห็นสีหน้าของเขา ฉู่หลิวเยว่จะไม่รู้ได้อย่างใดว่าเขากำลังคิดอันใดอยู่ นางจึงส่ายหน้าอย่างร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก
“เอาล่ะ ข้าแค่ถามไปเช่นนั้น ของสิ่งนั้นมาไวไปเร็ว หากเจ้ามองไม่เห็นก็เป็นเรื่องปกติแล้ว…”
ขณะที่พูดนางก็เหลือบสายตาหันไปมองทางหรงซิว
เหมือนว่าเขาจะสามารถสัมผัสถึงสายตาของนางได้ หรงซิวจึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากบางยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“เราค่อยพูดเรื่องนี้ทีหลังก็ยังไม่สาย บางทีตอนนี้…พวกเราอาจจะสามารถออกไปได้แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา
หรงซิวเห็นมันจริงๆ ด้วย
อีกทั้งดูจากท่าทางของเขา เหมือนว่าเขาจะสามารถคาดเดาอันใดบางอย่างได้แล้ว…
นางไม่สามารถปิดบังอันใดผู้ชายคนนี้ได้เลย
ความคิดภายในใจของนางกำลังปั่นป่วน…
เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของหรงซิวแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาจะรู้จักกับของสิ่งนี้?
บางทีหลังจากออกไปแล้ว นางจะต้องหาโอกาสถามเขาเสียหน่อย…
“ออกไปได้แล้ว? จริงหรือ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหรงซิว ซานซานก็มีสีหน้ามึนงง
เมื่อครู่นี้เขายังตื่นตระหนกอยู่ เหตุใดตอนนี้ถึงบอกว่าสามารถออกไปด้านนอกได้แล้วล่ะ?
เปลวเพลิงรอบข้างยังคงลุกโชนอยู่เลย ม่านพลังเหล่านั้นก็ยังไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลง
ฉู่หลิวเยว่เชิดคางขึ้นเล็กน้อย



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...