………………..
เปลวไฟสีน้ำเงินนั่นหมุนวนรอบตัวของฉู่หลิวเยว่ ไม่เพียงแต่ไม่ได้ทำร้ายนาง แต่กลับสกัดกั้นพลังส่วนใหญ่ของทัณฑ์สวรรค์ไว้อีกด้วย!
นางพุ่งออกมาจากตรงเปลวไฟที่ผสานกันและแทบไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย!
หลังจากนั้นนางกับถวนจื่อบินขึ้นไปในทันที!
ด้วยความเร็วที่สุด!
พลังร้ายกาจที่เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งตรงบริเวณรอบๆ นั่น แต่ไม่ได้ทำให้ระดับความเร็วของนางลดลงแม้แต่น้อย
มั่วอวิ๋นมีสีหน้าหมองลงราวกับถูกคนตบเข้าที่หน้าอยู่หลายครั้ง!
บนใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความเจ็บปวด!
แสงไฟบนยอดเขาพุ่งขึ้นไปบนฟ้า มันแทบจะแยงตาจนไม่อาจะมองมันได้ตรงๆ
อีกทั้งมั่วอวิ๋นในขณะนี้ยังอยู่ในอาการตกตะลึงอย่างขีดสุด จึงทำให้มองไม่เห็นแสงวาบผ่านโล่สีดำในมือของฉู่หลิวเยว่
ขณะนี้ภายในจิตใจของเขาเหมือนว่างเปล่า
ตั้งแต่แรกที่ทัณฑ์สวรรค์ไม่ได้โจมตีที่ร่างของนางก็เท่านั้น
ทว่าเมื่อครู่ทัณฑ์สวรรค์นั่นก็ฟาดลงมาบนหัวของนางอย่างชัดเจน!
เหตุใดฉู่หลิวเยว่ถึงไม่เป็นอันใดเลย
คือเปลวไฟนั่น…
คือเปลวไฟนั่น!
จู่ๆ แสงสีขาวก็เขามาในใจของมั่วอวิ๋น!
เขาหยั่งรู้ขึ้นมากระทันหัน!
ฉู่หลิ่วเยว่สามารถควบคุมเปลวไฟสีน้ำเงินที่แปลกประหลาดจากใต้ภูเขานั่นได้แล้วจริงๆ!
ของที่ซ่อนอยู่ข้างใต้นั่น…ได้ในอยู่ในมือของนางแล้วเป็นแน่!
ที่สำคัญกว่านั้นคือการลงมือของนางทำให้พวกเขาเพิ่งรู้ว่าไม่เพียงแต่ยอดเขาหลานชิงเท่านั้น ภูเขารอบๆ ก็ล้วนเชื่อมโยงเกี่ยวพันกันกับของสิ่งนั้น!
ความทรมานที่แสนเจ็บปวดมานานเช่นนี้ ทั้งเมื่อก่อนและตอนนี้ไม่รู้ว่ามีคนบาดเจ็บล้มตายเสียหายไปมากมายเพียงใด สุดท้ายนึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกฉู่หลิวเยว่ที่เพิ่งมาถึงท่าเรือดอกท้อนำหน้าไปก่อนแล้ว!
มั่วอวิ๋นกลืนความโล่งอกนี้ลงไปได้เช่นไร!
เขากัดที่ปลายลิ้นในทันทีจนเลือดไหลออกมาเต็มปาก!
การสังเวยเลือดบนท้องฟ้าจู่ๆ ก็ปั่นป่วนขึ้นมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง!
และมีหมอกดำหนาทึบค่อยๆ ปรากฏขึ้นอยู่ภายใน
ทว่าปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั่น ก็หายไปทันทีในพริบตาเดียว
เมื่อหรงซิวเหมือนคิดขึ้นมาได้จึงเงยหน้าขึ้นไปมองครู่หนึ่ง
หมอกดำนั่นหายไปอย่างเงียบๆ จนไม่สามารถงมองเห็นได้
ทว่าลมปราณที่เยือกเย็นและแน่นหนานั่น กลับทำให้นัยน์ตาของหรงซิวหรี่ลงเล็กน้อย
ลมปราณนี้ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก…
เขาถอนสายตาหันกลับไปมองมั่วอวิ๋นอีกครั้งที่ทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่
จนกระทั้งบัดนี้มั่วอวิ๋นไม่เคยนำพลังแห่งสายเลือดของตัวเองออกมาใช้จริงๆ
เขายอมให้ตนเองสร้างความเสียหายอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการบูชาเลือดหัวใจ แต่สัญลักษณ์โบราณเลือดกลับไม่ปรากฏขึ้นมาตรงระหว่างคิ้ว
น่าสนใจ…
“เจ้าสำนักกระบี่ทมิฬ ก็คือสกุลมั่วหรอกหรือ”
หรงซิวเอ่ยด้วยเสียงเรียบในทันที
น้ำเสียงของเขาที่เรียบเย็นและทุ้มต่ำ พร้อมด้วยสูงศักดิ์ที่มิอาจล่วงเกินได้ง่าย
เมื่อได้ยินเข้าหู ผู้คนให้คำตอบกลับในทันทีอย่างตั้งรับไม่ทัน
หรงซิวกำลังล่อลวงเขา!
เขาเงียบเสียงและกลืนคำพูดที่เหลือกลับไปในทันที
แต่ดูท่าทางของหนงซิว มันคือการยอมรับอย่างเงียบๆ
สุดท้ายแล้ว…
ริมฝีปากบางของหรงซิวยกขึ้นเล็กน้อย หางตาและปลายคิ้วกลับรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นเล็กน้อย
เมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าสำนักกระบี่ทมิฬมีบางอย่างผิดปกติไป ดูเหมือนว่าเกี่ยวข้องกับทางด้านนั้นอยู่หลายส่วน
จึงหยั่งเชิงด้วยการก่อความวุ่นวายขึ้นจนได้คำตอบกลับในทันที
เมื่อเห็นสีหน้าของหรงซิว มั่วอวิ๋นจึงแอบกัดฟันกรอดๆ

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...