………………..
เขาพยักหน้าเบาๆ พลางเอ่ยขึ้น
“คนในสำนักกระบี่ทมิฬ ต้องกำจัดทิ้งทั้งหมดไม่เหลือไว้ให้เป็นภัยพิบัติ”
เสียงของเขาเย็นชาและไร้ความรู้สึก
“ขอรับ!”
เสียงคนผู้นั้นตอบกลับ
“ข้ารออยู่ที่นี่มานาน เพียงรอมาถึงวันนี้คงไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
เยี่ยนชิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“แรกเริ่มที่ฝ่าบาทแต่งตั้งพวกเจ้า แน่นอนว่าทรงเคยเชื่อใจพวกเจ้า”
คนผู้นั้นหัวเราะขึ้น
“ข้าคิดว่ายังต้องรออีกสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทและพระชายารีบมาถึงเพียงนี้ ข้าคิดว่าต้องยกความดีให้หัวหน้าซาน”
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาที่เริ่มทำการค้าที่นี่ และเป็นฝ่ายเริ่มเขียนจดหมายให้กับเฉิงอีและคนอื่นๆ เกรงว่าคงจะรอต่อไปอีก
เยี่ยนชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น
“คนของจวนเยว่รู้จักพวกเจ้าหรือไม่”
“น่าจะไม่รู้จัก ในวันปกติช่วงเวลาส่วนใหญ่ข้ามักกระจายไปทุกที่ในท่าเรือดอกท้อ แม้ครั้งนี้จะลงมือกับสำนักกระบี่ทมิฬ ก็แยกกันเคลื่อนไหวแต่ละคนภายในกลุ่ม ถึงแม้คนของสำนักกระบี่ทมิฬล้วนมิอาจล่วงรู้ จึงเป็นธรรมดาที่จวนเยว่ก็มิอาจรู้ได้เช่นกัน”
คนผู้นั้นยิ้มเขินๆ เล็กน้อย
“ท่านวางใจได้ ก่อนมาที่นี่ฝ่าบาทได้กำชับไว้ว่าหากคนของพระชายามาถึง ข้าก็ไม่ต้องออกหน้า หลังจากที่หัวหน้าซานมาและเริ่มการค้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้าก็ไม่อาจเข้าร่วมได้”
ถ้าหากไม่ใช่เพราะครั้งนี้ต้องจัดการสำนักกระบี่ทมิฬ แม้กระทั่งเยี่ยนชิงพวกเขาคงไม่ได้พบเจอ
“เดิมทีพวกข้ายังคิดอยู่ว่า หัวหน้าซานจะมาที่นี่โดยลำพัง กลัวว่าจะโดดเดี่ยว หากคิดที่จะคอยช่วยอย่างลับๆ แต่คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าซานจะมีความสามารถสูงส่ง เช่นนี้คงไม่ต้องการพวกข้าแล้ว อีกทั้งยังสร้างจวนเยว่ขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้
เมื่อเยี่ยนชิงได้ยินเข้าจึงหรี่ตาลง รูปร่างที่สง่างามยั่วยวนจู่ๆ ก็แวบเข้ามาในหัวของเขา
เขาเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ พลางเอ่ยขึ้น
“สิบสามผู้พิทักษ์เยว่…ไม่ธรรมดาจริงๆ”
คนผู้นั้นไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในสายตาของเขาจึงเอ่ยถามต่อว่า
“ใต้เท้า ทางด้านสำนักกระบี่ทมิฬนั่น พวกเราเกือบควบคุมเอาไว้ได้แล้ว เช่นนั้นทางฝ่าบาทและพระชายา ท่านคิดว่าต้องส่งคนไป…”
“ไม่ต้อง”
ยังไม่ทันรอเขาพูดจบ เยี่ยนชิงเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมาและปฏิเสธข้อเสนอของเขา
“เฉิงอีและคนอื่นๆ ล้วนไปที่นั่นแล้ว อีกทั้งฝ่าบาทกับพระชายาทรงมีจุดประสงค์ในครั้งนี้ มิต้องกังวลไปหรอก”
คนผู้นั้นเงยหน้าขึ้นด้วยความลังเลเล็กน้อย
“แต่ว่า…ใต้เท้า ท่านเห็นความเคลื่อนไหวทางด้านนั้น ใกล้ลุกลามเข้ามาถึงในเมืองแล้ว…”
เช่นนี้ไม่จำเป็นต้องช่วยพวกพวกเขาจัดการจริงๆ หรือ”
เยี่ยนชิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปยังขอบฟ้า
ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมนด้วยทัณฑ์สวรรค์ที่สว่างวาบและเสียงลมหวีดหวิว
มิตินับไม่ถ้วนที่กำลังพังทลาย และผืนสีดำขนาดใหญ่ได้กระจายออกไปราวกับอสูรที่จะกลืนกินทุกอย่างให้หมดสิ้น
ค่ายกลที่ท่าเรือดอกท้อกำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เหมือนจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ!
อาณาเขตเซียนเทพอิ๋นหงส่องสว่างพร่างพราว ราวกับแม่น้ำชิงที่เชี่ยวกราด!
สตรีผู้หนึ่งนางยืดหลังตรงและลอยอยู่กลางท้องฟ้า!
นางถือโล่ในมือซ้าย และจับกระบี่ในมือขวา ราวกับเทพสงครามมาจุติ!
ในใจของเยี่ยนชิงสั่นไหวเล็กน้อยพลางกระซิบด้วยเสียงทุ้มต่ำขึ้นว่า
“ใครต้องการกำลังสนับสนุนกันแน่ ยังมิอาจรู้ได้เลย…”
…
ทัณฑ์สวรรค์ที่สว่างเจิดจ้าได้ฟาดลงมา!
ฉู่หลิวเยว่แหงนศีรษะขึ้นไปมองด้วยสายตาเรียบเย็น!
นางได้เคลื่อนย้ายตำแหน่งให้มีระยะห่างที่ไกลออกมากจากยอดเขาหลานชิง
แต่สำนักกระบี่ทมิฬกลับไล่ตามอย่างไม่ยอมแพ้ และควบคุมการสังเวยเลือดนั่น จนทำให้เกิดทัณฑ์สวรรค์ขึ้นที่นี่!
เสียงลมหวีดหวิวผ่านเข้าหู
ทุกทิศทางพื้นที่ไม่สิ้นสุดยังคงพังทลายลงอย่างเงียบๆ
จากที่ไกลออกไปค่ายกลของท่าเรืองดอกท้อได้พังทลายลง!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเหมือนมีพลังมหาศาลอยู่รอบๆ กำลังดึงรั้งนางอย่างบ้าคลั่ง
ราวกับต้องการฉีกนางเป็นชิ้นๆ!
เมื่อนางคิดอยู่ครู่หนึ่ง เกาะทองคำก็ปกคลุมร่างของนางในทันที!
“สนุกพอหรือยัง!”
สายตาของนางเย็นชาและเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเข้ม


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...