ใบหูฉู่หลิวเยว่แดงก่ำ
ในเวลาแบบนี้ เขายังมีแก่ใจมาพูดเล่น
นางเหลือบสายตามองทางเยี่ยนชิงทันที
เยี่ยนชิงก้มหน้าก้มตา ทำตัวเหมือนตัวเองเป็นธาตุอากาศ
ฝ่าบาทและพระชายาก็เป็นคู่แต่งงานใหม่ ทั้งสองคนยังไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังเลย แต่ก็ต้องรีบมาที่นี่แล้ว
ในช่วงเวลาแบบนี้ ทั้งสองคนกลับงานยุ่งมาก บางวันยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันด้วยซ้ำ
หากฝ่าบาทจะพูดเช่นนี้ก็เป็นเรื่องปกติแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเรื่องความรัก แต่เขาก็เข้าใจฝ่าบาทของตนเองเป็นอย่างดี
ฉู่หลิวเยว่ก็เข้าใจผู้ชายของตนเองเช่นกัน
นางทำได้เพียงถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา นางเดินออกไปแล้วจับมือของหรงซิวไว้
“สามีพูดอันใดแบบนั้นกัน หลายวันที่ผ่านมานี้ข้าก็อยู่กับเจ้ามาตลอดไม่ใช่หรือ ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นเจ้าช่วยพาข้าไปดีหรือไม่”
เดิมทีนางตั้งใจจะหยอกล้อ ตั้งใจทำเสียงอ่อนเสียงหวาน หายากนักที่นางจะพูดด้วยความอ่อนหวานนุ่มนวลเช่นนี้
คำพูดทุกคำดังก้องอยู่ข้างหู เหมือนกับขนนกที่ปัดไปมาเบาๆ
มุมปากของหรงซิวยกยิ้มขึ้น และเป็นฝ่ายกุมมือของนางเอง
ขณะที่พูดเขาก็ลุกขึ้นยืน และกุมมือของนางเอาไว้แน่น เขาลูบที่หลังมือของนางเบาๆ
เขาตอบรับอย่างใจกว้าง แต่กลับทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเขินอายมากขึ้น
นางกระแอมไอแล้วเลิกคิด
“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราไปกันเถอะ”
ลั่วเหยี่ยนและคนอื่นถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินของจวนเยว่ พวกเขาต่างรู้ว่าอยู่ที่ไหน
ทั้งสองคนเดินจับจูงกันออกไปด้านนอก
เยี่ยนชิงเดินติดตามมาด้านหลัง
ทั้งสามคนเดินไปทางด้านหลังเรือนอันเป็นที่ตั้งของคุกใต้ดิน
เพิ่งเดินออกมาจากเรือน พวกเขาก็ได้พบกับน้องแปดและสือฟังที่เพิ่งกลับเข้ามา
เยี่ยนชิงเงยหน้าขึ้นมอง ในใจตกตะลึงไปชั่วขณะ
ทั้งสองคนเหมือนกับเพิ่งประสบหายนะอันใหญ่หลวงมา ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยคราบสกปรก กระโปรงที่งดงามหรูหราของน้องแปดกลับเปรอะเปื้อนโคลนจำนวนไม่น้อย
เหมือนว่าพวกเขาเพิ่งเดินออกมาจากหลุมโคลน
สือฟังชอบทำสวนอยู่เป็นประจำ ดังนั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว
แต่น้องแปดที่รักความสวยงามรักความสะอาด หากวันปกติธรรมดากระโปรงของนางมีรอยยับย่น นางก็รู้สึกไม่สบายใจไปทั้งวันแล้ว
รูปลักษณ์ดั่งเช่นตอนนี้กลับไม่ค่อยได้พบนัก มิน่าละเยี่ยนชิงที่เห็นดังนั้นก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
แต่เนื่องจากด้านหน้าของเขามีหรงซิวกับฉู่หลิวเยว่ ดังนั้นน้องแปดกับสือฟังจึงไม่ได้สังเกตถึงการมีอยู่ของเขา
เมื่อเห็นสภาพของคนทั้งสองแล้ว ฉู่หลิวเยว่ทั้งตกใจทั้งปวดใจ จึงรีบถามขึ้นว่า
“น้องแปด สือฟัง พวกเจ้า…”
นางรู้ว่าพวกเขาออกไปตั้งแต่สองวันก่อน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะกลับมาด้วยสภาพจนตรอกขนาดนี้
นางถอนหายใจออกมาอย่างหดหู่ แล้วผายมือทั้งสองข้างออก ก่อนพูดอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า
“นายท่านดูสิ น้องแปดน่าสงสารเพียงใด!”
แม้ปากจะบอกว่าตนเองน่าสงสาร แต่ในแววตาที่งดงามยังคงเปล่งประกายเช่นเดิม
ต่อให้นางมีสภาพสกปรกเช่นนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถปกปิดความงดงามที่เต็มไปด้วยเสน่ห์
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไปแล้วบีบแก้มของนางไว้
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าน้องแปดแข็งแกร่งที่สุด!”
น้องแปดหรี่ตาลงด้วยความพึงพอใจ
แม้ว่านางจะสกปรกไปทั้งตัวจนเกือบทำให้ตนเองเป็นบ้าไปแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดนี้นางก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าแล้ว!
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นมาเบาๆ
สือฟังเดินขึ้นมาด้านหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยการคาดหวังคำชมจากนายท่าน
จากนั้นเขาก็ได้ยินฉู่หลิวเยว่ถามว่า
“สือฟัง เจ้าดูแลน้องแปดของเจ้าอย่างไรเนี่ย”
สือฟัง “?”
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทำในสิ่งเดียวกัน อีกทั้งเขายังทำมากกว่าน้องแปดด้วยซ้ำ แต่เหตุใดได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันล่ะ
น้องแปดมองหน้าเขาด้วยความภาคภูมิใจ
สือฟังยังคงไร้เดียงสาเกินไป ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้ฐานะของตนเองอีกหรือ
“ขะ…ข้าผิดไปแล้ว…”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...