………………..
ฉู่หลิวเยว่หมายตาภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยมาโดยตลอดจริงๆ
ล้อกันเล่นหรือไร!
ใครบ้างไม่อยากได้สมบัติที่ถูกจัดอยู่ในสิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่กัน?
แม้วันนั้นนางจะง่วนอยู่กับทัณฑ์ทลายเทพ แต่ก็ยังคงจับสังเกตของสิ่งนี้ได้อยู่
ตอนนี้ลั่วเหยี่ยนตกอยู่ในกำมือพวกเขาแล้ว ภาพวาดเมฆาเคลื่อนคล้อยย่อมต้องส่งต่อให้พวกเขาเช่นกัน
ลั่วเหยี่ยนหยุดนิ่งมิขยับเขยื้อนอยู่นานทีเดียว
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้ว
“เหตุใด ทำใจไม่ได้หรือ?”
ลั่วเหยี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
จนป่านนี้แล้ว ยังจะพูดเรื่องทำใจได้ไม่ได้อีก?
เขาล้วงหยิบเอาม้วนกระดาษสีแดงสดยื่นส่งไปให้
เปลวเพลิงสีทองอร่ามในมือฉู่หลิวเยว่พลันพุ่งทะยาน แปรสภาพกลายเป็นเอ็นหวายทะลุข้ามค่ายกลไป ก่อนจะเข้าเกี่ยวรัดแล้วดึงเอาม้วนภาพมา
ลั่วเหยี่ยนเหลือบตามองภาพวาดเมฆาเคลื่อนคล้อยเป็นครั้งสุดท้าย
เดิมทีเขายังคิดอยู่เลยว่า สบโอกาสเมื่อไรจะจรลีไปจากที่นี่เสีย
ทว่าหลังจากได้ฟังคำพูดพวกนั้นของหรงซิวและฉู่หลิวเยว่จนจบ เขาก็ตัดใจลงโดยสมบูรณ์
ไม่ว่าจะหนีไปหรืออยู่ที่นี่ต่อ ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับเขาก็คือตายเสียเดี๋ยวนี้
ฉู่หลิวเยว่ถือภาพวาดเมฆาเคลื่อนคล้อยเอาไว้ในมือ กะน้ำหนักเอาคร่าวๆ แล้วพบว่าเบาหวิวมากทีเดียว
หนึ่งในสิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่อย่างภาพวาดเมฆาเคลื่อนคล้อย สมบัติเก่าเก็บประจำตระกูลของตระกูลหนาน…
ดันตกมาอยู่ในมือของนางได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
ลั่วเหยี่ยนเองก็เอ่ยตอบคำถามส่วนใหญ่กลับไป
เขาหมดอาลัยตายอยากไปแล้วโดยสิ้นเชิง
เขาโกรธแค้นฉู่หลิวเยว่และหรงซิวเหลือเกิน หากว่าไม่มาพบเจอพวกนางในอาณาจักรเสิ่นซวี่เข้า หนานอีอีย่อมไม่มีทางเลือกทางเดินที่มิอาจหวนกลับมาได้อีก
เขาแสนจะชิงชังหนานอีฝานด้วยเช่นกัน เพื่อหนานอวี่สิง เพื่อตำแหน่งประมุขนั่น เขาถึงลงมือกับหนานอีอีได้อย่างลงคอ!
ดังนั้น เขาที่เป็นพวกทำอันใดก็ต้องทำให้ถึงที่สุดมาแต่ไหนแต่ไร จึงบอกกล่าวเรื่องราวทุกอย่างที่รู้ออกไปตรงๆ จนหมดสิ้น
เขาอยากให้พวกมันทั้งสองฝ่ายฆ่ากันให้ตายไปข้าง!
…
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม ฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวก็ออกจากคุกใต้ดินไป
ลั่วเหยี่ยนมิได้ร้องขอความตาย แม้ว่าเขาจะอยากตายให้รู้แล้วรู้รอดก็ตาม
แต่เขายังอยากเห็นว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะดำเนินไปสิ้นสุดอย่างใดอยู่ดี!
ดังนั้นท้ายที่สุดแล้ว เขาจึงนั่งจมอยู่ในความเงียบงันตรงนั้นอย่างก่อนหน้าไม่มีผิด
เมื่อเยี่ยนชิงที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกได้ยินเสียงฝีเท้า ก็รีบสาวเท้าเข้าไปต้อนรับทันที
“ฝ่าบาท พระชายา”
เมื่อเห็นว่าบนดวงหน้าของฉู่หลิวเยว่แฝงด้วยรอยยิ้มน้อยๆ เยี่ยนชิงก็พลันกระจ่างว่าทุกสิ่งทุกอย่างคงราบรื่นไม่มีปัญหา
ในใจเขาบังเกิดความนับถือขึ้นมาอยู่หลายส่วน
ก่อนหน้านี้เขาใช้ทุกวิถีทาง ก็มิอาจทำให้ลั่วเหยี่ยนปริปากได้ ฝ่าบาทและพระชายาลงไปครั้งเดียวก็ถามมาได้เสียแล้ว
หลังจากเดินห่างออกมา ฉู่หลิวเยว่ก็หันศีรษะกลับไปมองคราหนึ่ง
“ดูเหมือนต่อไปคงต้องส่งคนมาเพิ่มแล้ว”
นางไม่อยากให้คนพวกนี้ได้ตายเร็วขนาดนั้น
หรงซิวพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย เพียงแต่มิได้ออกปากว่าจะช่วยเหลือ
“เจ้าอยากไว้ชีวิตลั่วเหยี่ยนหรือ?”
เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
ฉู่หลิวเยว่ผงกศีรษะรับ
“แน่นอนอยู่แล้ว แม้หนานหงหยางจะเป็นพยานให้ได้เหมือนกัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าน่าเชื่อถือสู้ลั่วเหยี่ยนไม่ได้ อีกอย่าง… เมื่อครู่เขาพูดพล่ามออกมามากมายปานนั้น ไม่ใช่เพราะอยากให้เรากับตระกูลหนานตีกันหรอกหรือ? เช่นนั้น… ข้าก็จะให้โอกาสนี้แก่เขา คิดเสียว่าช่วยเติมเต็มความฝันเขาหน่อยก็แล้วกัน”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...