………………..
สีหน้าของเฉินอีพลันฉายแววรู้ทันขึ้นมาในทันที
นัยน์ตาเรียวยาวแฝงแววเฉื่อยชาหรี่ลงน้อยๆ ราวกับว่าเขากำลังยิ้มอยู่
“ห่างออกไปเพียงประมาณหนึ่งเค่อเท่านั้น ไม่ใช่ก็ต้องใช่แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจความหมายของเขาในพริบตา เรียวคิ้วขมวดแน่น จากนั้นก็คลี่ยิ้มเย็นเยียบออกมา
“ที่แท้ตระกูลอี้ก็คิดจะมาผสมโรงในความวุ่นวายครานี้ด้วยนี่เอง”
หรงซิวเองก็เดินออกมาเช่นกัน
“สองตระกูลนี้ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันแม้แต่น้อย ผ่านมาหลายปีนี้ การไปมาหาสู่กันของแต่ละตระกูลแทบจะนับนิ้วได้”
ฉู่หลิวเยว่ยิ่งมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตนมากกว่าเดิม
ดูแล้วสองตระกูลนี้คงร่วมมือกันเป็นแน่…
เพียงแต่ตระกูลอี้กับพวกเขาไม่ได้ขัดผลประโยชน์กันแต่อย่างใด
พวกเขาทำเช่นนี้คงไม่พ้นถูกตระกูลหนานยุยงมาเป็นแน่
“ดูไปแล้ว หนานอีฝานไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย”
อย่างน้อยที่สุดก็ยังลากตระกูลอี้ให้มาช่วยสนับสนุนได้
เพื่อลากพันธมิตรฝ่ายนี้มาข้องเกี่ยว… หากให้เดา… คงจะสละอันใดไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกว่านี่ออกจะน่าหัวเราะอยู่ไม่น้อย
เห็นได้ชัดว่าเป็นตระกูลหนานที่ไม่มีเหตุผล ตัวเองล่วงเกินคนอื่นก่อน บัดนี้พวกเขายังมีหน้ามาอยู่หน้าประตูอีก
ถึงขั้นที่ลากเอาพันธมิตรมาด้วย
“ตระกูลหนานมากันยี่สิบสี่คน ทั้งหมดนี้รวมถึงหนานอีฝานแล้ว ทั้งหมดมีผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์จำนวนแปดคน ตระกูลอี้มาสิบแปดคน แต่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์มากันสิบคน นับว่ามากกว่าครึ่ง”
สุ้มเสียงของเฉินอียังคงเรียบนิ่งไร้อารมณ์ดังเดิม
“เดี๋ยวพวกเราออกไป”
คนที่กำลังรออยู่… ก็คือพวกเขา!
นางอยากดูนักว่าใครจะกล้ามาเล่นหัวนางได้อีก!
สองตระกูลนี้รวมกันแล้ว ทั้งหมดกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์จำนวนสิบแปดคน
ต้องเข้าใจก่อนว่า ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ในตระกูลชั้นสูงธรรมดาทั่วไปปกติแล้วล้วนไม่เกินห้าถึงหกคน
อีกทั้งเพื่อสู้ชิงเอาท่าเรือดอกท้อครั้งนี้ของพวกเขา ต่างฝ่ายถึงได้ส่งคนมาเยอะปานนี้!
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเบื้องหลังของตระกูลพวกนี้แข็งแกร่งมากโดยแท้!
เพียงแต่…
ครานี้ใครจะอยู่หัวเราะเป็นคนสุดท้ายยังไม่อาจรู้ได้!
…
ณ ด้านนอกค่ายกลของท่าเรือดอกท้อ
คนของตระกูลหนานและตระกูลอี้แบ่งออกเป็นสองฟาก
มีระยะห่างประมาณหนึ่งระหว่างแต่ละฝ่าย
ความสัมพันธ์ของสองตระกูลเปราะบางอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนนี้ต่างก็พากันมาท่าเรือดอกท้อ
นอกจากหนานอีฝานและอี้เหวินเทาแล้วก็ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องการร่วมมือกันเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากัน คนส่วนใหญ่ถึงได้รักษาระยะป้องกันจากอีกฝ่ายเอาไว้สูงมาก
หนานอีฝานและอี้เหวินเทาทักทายกันอย่างสุภาพ แจ้งเจตจำนงต่อกันว่าเป้าหมายที่มาเยือนครานี้ก็คือฉู่หลิวเยว่และหรงซิว จากนั้นก็แยกย้ายกันไปรอฝั่งใครฝั่งมัน
บรรยากาศโดยรวมตึงเครียดอย่างมาก
ด้านนอกประตูเมือง ตอนนี้ทหารรักษาการณ์ที่รับผิดชอบการเฝ้ายามต่างรวบรวมกำลังใจเต็มเปี่ยมจดจ้องคนของตระกูลหนานและตระกูลอี้ด้วยตาเขม็ง
“นั่นสิ! แล้วเจ้าก็รู้สึกหรือไม่ว่าค่ายกลนี้ดูจะไม่ค่อยเหมือนเดิมเท่าไรนัก… ไหนจะทหารรักษาการณ์เฝ้าเวรยามพวกนั้นที่มีท่าทางดูจงรักภักดีนั่นอีก… ท่าเรือดอกท้อมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร?”
“ดูแล้วข่าวลือพวกนั้นคงจะเชื่อได้อยู่บ้างจริงๆ… ไม่รู้เลยว่าพวกเขาทำแบบนี้ได้อย่างใดกันแน่?”
บรรดาฝูงชนพากันวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ค่อยปักใจเชื่อเท่าไรนัก ทว่าพอมาเห็นกับตาตัวเองตอนนี้กลับอดไม่ได้ที่จะสงสัย
ทหารรักษาการณ์พวกนั้นดูแตกต่างจากพวกที่ได้รับการฝึกแบบปกติโดยสิ้นเชิง ใครที่ตาดีหน่อยก็จะรู้ว่านี่คือ “กองทัพแบ่งกลุ่ม”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...