………………..
ยามเห็นรอยยิ้มบนหน้าฉู่หลิวเยว่ ความโกรธในใจหนานอีฝานพลันปะทุ!
ลูกชายคนเดียวของเขาต้องตายอยู่ในท่าเรือดอกท้อ ตายด้วยน้ำมือของคนพวกนี้!
แล้วนางยังหัวเราะออกมาได้อีก!
นี่มันหมายความว่าอันใด เหยียดหยาม? ยั่วยุรึ?
ทว่าในตอนนั้นเอง สายตาเย็นปลาบสายหนึ่งพลันหยุดอยู่ที่ร่างของเขา ทำให้เราต้องสั่นสะท้านด้วยความหวาดผวา
หนานอีฝานเผลอเหลือบมองหรงซิวที่อยู่ข้างๆ โดยไม่รู้ตัว พลันใจเต้นระรัวอย่างห้ามไม่อยู่
ความหวาดกลัวสายหนึ่งบังเกิดขึ้นจากส่วนลึกของจิตใจ!
สองมือของหนานอีฝานกำเข้าหากันแน่น พยายามขจัดความรู้สึกที่ตีรวนกันอย่างสุดแรง!
เรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจะต้องฉีกหน้าหรงซิวและคนอื่นๆ ให้ได้!
สายตาของหรงซิวกวาดมองหนานอีฝานและอี้เหวินเทาคราหนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากบางจะกระตุกยกขึ้นน้อยๆ
“ประมุขอี้ ประมุขหนาน ไม่ได้พบเจอกันตั้งนาน สบายดีหรือไม่?”
ในใจหนานอีฝานรู้สึกเจ็บแค้นยิ่งนัก
คนของตระกูลหนานสูญเสียด้วยน้ำมือของพวกเขามากมายปานนั้น จะเป็นตายร้ายดีอย่างใด พวกเขาย่อมรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือ?
ตอนนี้ยังมีหน้ามาถามคำถามเช่นนี้อีก!
อี้เหวินเทาเอามือหนึ่งไพล่หลัง พยักหน้าน้อยๆ แต่สีหน้ากลับอ่อนโยนและสุภาพยิ่ง
“ดีทีเดียวโอรสสวรรค์”
ระหว่างที่พูด สายตาของเขาจับจ้องไปที่ฉู่หลิวเยว่ ดวงตาแฝงด้วยแววหมายจะประเมินและตรวจสอบ
เขาได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของแม่นางผู้นี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าด้วยตาตัวเอง
โดยเฉพาะดวงตาดุจดวงดาราคู่นั้นที่แฝงด้วยความเรียบนิ่งและสงบที่ไม่เข้ากับอายุของนาง
ราวกับว่าเรื่องราวที่อยู่เบื้องหน้านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบใดต่อนางเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่านางจะรู้ว่าเรื่องราวทุกอย่างนี้มีนัยแฝงว่าอันใดก็ตาม
อี้เหวินเทารู้สึกประทับใจในตัวฉู่หลิวเยว่ไม่น้อย
แม่นางที่ทำให้หรงซิวชมชอบและยืนกรานจะอภิเษกด้วยย่อมไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ในความเป็นจริง มิใช่แค่อี้เหวินเทาเท่านั้น
บัดนี้ความสนใจของบรรดาฝูงชนจากตระกูลอี้และตระกูลหนานล้วนรวมอยู่ที่ฉู่หลิวเยว่เป็นตาเดียว
สำหรับแม่นางที่ชื่อเสียงขจรไกลไปทั่วอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ นี้ แท้จริงแล้วพวกเขาต่างก็สงสัยใคร่รู้และอยากสอดส่องกันทั้งนั้น
แน่นอนว่าตอนที่พวกเขามองฉู่หลิวเยว่ ฉู่หลิวเยว่เองก็มองพวกเขากลับเช่นกัน
ตระกูลหนานมีผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แปดคน ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงสิบหกคน
ตระกูลอี้มีผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์สิบคน ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงแปดคน
อีกทั้งพลังของผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงพวกนั้นก็ประมาทไม่ได้ด้วย
ดูเหมือนว่าเพื่อจะจัดการนางในครั้งนี้ สองตระกูลต่างลงทุนกันไปไม่น้อยเลยจริงๆ…
รอยยิ้มบนริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่ยิ่งทวีความสดใสมากกว่าเก่า
หนานอีฝานทนดูฉู่หลิวเยว่แทบไม่ได้
ทิ่มแทงลูกตายิ่งนัก!
ท่ามกลางความเงียบอันแปลกประหลาด เขาเริ่มด้วยการหัวเราะเสียงเย็นออกมาคราหนึ่ง
“กระไรกัน ในที่สุดพวกเจ้าก็ยอมออกมากันแล้วนั้นสิ? ข้ายังคิดอยู่เลยว่าพวกเจ้าจะมุดหัวหลบอยู่ในท่าเรือดอกท้อไปตลอดชีวิตแล้วเสียอีก!”
ทุกคำทุกประโยคกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก แววตาเปี่ยมด้วยความเคียดแค้นโดยไม่คิดปิดบัง
ฉู่หลิวเยว่ราวกับไม่สนใจแม้แต่น้อย หัวเราะเสียงใสพลางกล่าวว่า
“ประมุขหนานไปเอาคำพูดนี้มาจากไหนกัน ท่าเรือดอกท้อเดิมเป็นอาณาเขตของข้า ข้าและสามีข้าเพิ่งแต่งกันได้ไม่นาน จะมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่สักพักก็เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ? อีกอย่าง พวกเราไม่ได้ทำอันใดผิด จะใช้คำว่า ‘มุดหัวหลบ’ ได้อย่างใดกัน?”
หนานอีฝานโมโหจนหน้าแดงก่ำ หน้าผากมีเส้นเลือดปูดออกมา
ฉู่หลิวเยว่ผู้นี้ปากคอเราะร้ายเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ!
“หนานอวี่สิงลูกชายของข้าตายอยู่ในท่าเรือดอกท้อเมื่อไม่กี่วันก่อน! ในฐานะคนก่อกรรมชั่ว พวกเจ้าไม่มีความละอายใจบ้างเลยหรือ?”
หนานอีฝานยกมือขึ้นชี้หน้าฉู่หลิวเยว่ก่อนถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
สีหน้าของหรงซิวเย็นเยียบในชั่วพริบตา จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้า
แรงกดดันอันแข็งกร้าวเข้าเยือนในทันใด!
ในขณะเดียวกัน แววตาของเขาก็มีแสงสีทองจากในเปลวเพลิงเคลื่อนผ่านแวบหนึ่ง!
“หนานอีฝาน ถ้าไม่อยากมีมือแล้วก็แค่บอกมา”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...