………………..
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นกลับหัวเราะออกมาคราหนึ่ง
“คิดไม่ถึงเลยว่าประมุขหนานจะดูถูกผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลตัวเองขนาดนี้?”
ประโยคเยาะเย้ยประโยคนี้ทิ่มแทงเสียจนสีหน้าของหนานอีฝานซีดเซียวบิดเบี้ยว
“เจ้า!”
“คงไม่ต้องให้ข้าเตือนประมุขหนานหรอกว่าภายในกลุ่มคนที่มาเยือนก่อนหน้านี้ นอกจากหนานอวี่สิงแล้ว ในบรรดาผู้อาวุโสแปดท่านที่เหลือ เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วห้าคน”
ฉู่หลิวเยว่ยักไหล่
“แม้ที่มีชีวิตอยู่ตอนนี้จะเหลือแค่สี่ แต่ดีร้ายอย่างใดก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ชื่อเสียงโด่งดังกันทั้งนั้น ประมุขหนานบอกว่าพวกเขายอมทำตามที่ข้าสั่ง… ไม่รู้จริงๆ ว่าประเมินข้าสูงไป หรือประเมินคนของตระกูลท่านต่ำไปกันแน่?”
หน้าอกของหนานอีฝานกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงจนปอดแทบปะทุออกมาอยู่รอมร่อ!
“ซั่งกวนเยว่! เจ้าอย่าได้ใจเกินไปหน่อยเลย!”
“ข้าก็แค่พูดไปประโยคสองประโยค จะเรียกว่าเกินไปได้อย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ พลางกล่าวด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“คำพูดพวกนี้มิใช่ว่าประมุขหนานเพิ่งพูดออกไปกับปากมิใช่หรือ? ทุกท่านจากตระกูลหนาน พวกท่านเองก็คงได้ยินแล้วกระมัง?”
บรรดาฝูงชนในตระกูลหนานพากันเงียบกริบ ทั้งยังอับอายอย่างมากอีกด้วย!
พวกเขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะมาหาเรื่องพวกฉู่หลิวเยว่ เหตุใดตอนจบคนที่ถูกถามกลับกลายเป็นพวกเขากัน?
หนานอีฝานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ค่อยๆ เรียกสติกลับคืนมา
“เจ้า! เจ้า! ไม่ว่าจะพูดอย่างใด หนานอวี่สิงลูกชายข้า แล้วก็ผู้อาวุโสตระกูลหนานอีกสี่คนล้วนแต่ตายตกอยู่ที่นี่! พวกเจ้ากล้าพูดหรือว่าพวกเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว!? วันนี้พวกเจ้าจะต้องให้คำอธิบายแก่ตระกูลหนานให้ได้! มิเช่นนั้น… ก็อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ!”
ฉู่หลิวเยว่ถามอย่างประหลาดใจว่า
เมื่อก่อนเขาค่อนข้างนอบน้อมถ่อมตนกับหรงซิว แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่แบบนั้นแล้ว
คำพูดนี้พูดเหมือนว่าเมื่อก่อนเขาทำดีกับพวกนางอย่างใดอย่างนั้น?
หนานอีฝานแทบหายใจไม่ออก
นับว่าเขาได้เห็นแล้วว่าฉู่หลิวเยว่ผู้นี้เกิดมามีวาจาเชือดคมเสียจริง!
ใช้คำว่าช่างออเลาะฉอเลาะก็ไม่พอแล้ว!
เขาทะเลาะโต้เถียงสู้นางไม่ได้ ทำได้แค่เก็บความโกรธไว้ที่ตัวเองแทน!
“จริงสิ ในเมื่อประมุขหนานพูดขึ้นมาแล้ว ข้าเองก็ขอพูดเลยแล้วกัน ความจริงแล้วต่อให้ครั้งนี้พวกท่านไม่มา พวกเราเองก็คิดจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนถึงที่อยู่ดี”
ฉู่หลิวเยว่เชิดคางขึ้น
“เพราะว่า… พวกเราก็ต้องการคำอธิบายจากตระกูลหนานเหมือนกัน”
หนานอีฝานเกือบคิดว่าตัวเองหูฝาดแล้ว
เขาไม่เคยเจอคนที่โอหังขนาดนี้มาก่อน!
เดิมพวกเขามาที่ท่าเรือดอกท้อก็เพื่อฟังคำอธิบาย นางไม่เพียงแต่ไม่ให้ กลับกันยังเอ่ยโต้กลับมาอีก?
“เจ้าพูดว่าอันใดนะ?”
หนานอีฝานถามกลับไปโดยไม่รู้ตัว
ฉู่หลิวเยว่ยกมุมปากขึ้น หากแต่ดวงหน้ากลับแฝงด้วยรอยยิ้มเย็นอยู่หลายส่วน
“ข้าบอกว่า ประมุขหนานอาศัยตอนพวกข้าไม่อยู่พระราชวังเมฆาสวรรค์ พาคนจำนวนหนึ่งเข้ามาในท่าเรือดอกท้อ ฉวยโอกาสนี้ส่งคนมาลอบรัดคอสังหารพวกเรา หลังจากล้มเหลว ก็ไปปลุกใจให้คนของตระกูลหนานมาประณามเรา… หนี้ครั้งนี้พวกเราควรคำนวณอย่างใดดี?”
นางจงใจผ่อนความเร็วให้ช้าลง
ทุกทุกคำจึงชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งนัก!



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...