คมกระบี่แหลมปลาบยามอยู่ใต้แสงอาทิตย์สาดส่องนั้นทอประกายเย็นเยียบหนักหน่วง!
จิตสังหารอันเข้มข้นแผ่ปะทุออกมาจากร่างของฉู่หลิวเยว่!
ท่าทีเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงมีได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ?
หนานอีฝานถอยหลังไปครึ่งก้าว พยายามทรงตัวให้อยู่ได้อย่างยากลำบาก
แม้เขาจะหลบหลีกไปได้ทันเวลา ทั้งมิได้รับบาดเจ็บ แต่จากการประจันหน้าเมื่อครู่ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเขาเป็นฝ่ายแพ้!
อีกทั้งยังมาแพ้ต่อหน้าคนจำนวนมากปานนี้ด้วย!
ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์กลับถูกผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงคนเดียวสกัดกั้นไว้อย่างง่ายดายเช่นนี้ กระทั่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ยังถูกแย่งไปด้วย!
นี่ช่างน่าอับอายขายขี้หน้าโดยแท้!
หนานอีฝานยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกได้ถึงแค่ความอับอายที่แล่นปราดขึ้นมา
เขาไม่เคยลิ้มรสความพ่ายแพ้จากคนที่มีระดับขั้นพลังปราณต่ำกว่าเขาเช่นนี้มาก่อน!
เขาทั้งโมโหและตกตะลึง อยากจะพุ่งเข้าไปบั่นคอฉู่หลิวเยว่อีกรอบใจจะขาดอยู่รอมร่อ!
แต่อย่างใดเสีย หนานอีฝานก็เป็นถึงประมุขตระกูลหนาน
ดำรงตำแหน่งสูงมาหลายปี หากไร้สมองไม่มีหัวคิดจริงๆ ก็คงถูกโค่นลงตั้งนานแล้ว
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามปรามตัวเองให้ใจเย็นลง
ก่อนหน้านี้เขาถูกการตายของหนานอีอีและหนานอวี่สิงเข้าจู่โจมต่อเนื่อง อารมณ์จึงแปรปรวนอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังขาดความเข้าใจในพลังของฉู่หลิวเยว่ จึงผลักดันเป็นแรงกระตุ้นให้เขาทำเรื่องโง่เง่าไปมากมายเพียงนี้
อีกทั้งตอนนี้ การที่ฉู่หลิวเยว่ทำลายหอกมังกรเงินกระชากวิญญาณจนแตกสลายเป็นชิ้นๆ แทบจะปัดป้องการโจมตีครั้งนั้นของเขาได้อย่างง่ายดายทำให้เขาตาสว่างในที่สุด!
หากเป็นแบบนี้ต่อไปย่อมไม่ดีแน่
พลังต่อสู้ของฉู่หลิวเยว่เกินกว่าที่เขาคาดไว้ก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด!
พูดอีกแบบก็คือ หากคิดจะชิงเอาท่าเรือดอกท้อมาต่อก็ต้องจ่ายราคาที่มากกว่านี้…
หนานอีฝานครุ่นคิดไปมา จากนั้นก็ค่อยๆ พรูลมหายใจออกมา
ไม่เป็นไรหรอกหน่า
ฉู่หลิวเยว่สามารถสกัดกั้นเขาคนเดียวไว้ได้ แล้วยังจะสกัดกั้นคนทั้งหมดนี้ไว้ข้างนอกได้อีกอย่างนั้นหรือ?
“ในเมื่อเจ้าพูดมาแบบนี้… เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าไม่เกรงใจแล้วกัน!”
หนานอีฝานเอ่ยจบ มือทั้งสองก็ประสานกันไว้ข้างหน้า
พลังปราณดั้งเดิมอันแข็งกร้าวพวยพุ่งออกมาจากภายในร่างของเขาไม่หยุดหย่อน!
ประกายแสงสีม่วงระยิบระยับสายหนึ่งเข้าปกคลุมทั่วทั้งร่างของเขาอย่างรวดเร็ว!
“เกราะเมฆาม่วง!”
ในไม่ช้า ทั่วทั้งร่างของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยเกราะเกล็ดสีม่วง!
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงน้อยๆ
ลมปราณสายนี้… ชวนให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก…
จากนั้น สองเท้าของหนานอีฝานขยับแยกน้อยๆ มือขวากำเข้าหากันแน่นเป็นหมัด ก่อนจะต่อยออกไปอย่างรุนแรง!
“หมัดเมฆาม่วง… สลายไปซะ!”
คราก่อนเขาใช้พลังไปเจ็ดส่วน
หากแต่ครานี้ เขาใช้พลังเต็มที่โดยไม่ลังเล!
หมัดที่ถูกปกคลุมด้วยเกราะเมฆาม่วงพุ่งแหวกอากาศออกไป!
ความว่างเปล่าสั่นสะท้านก่อนจะทยอยพังทลายลง รอยแตกสีดำอันเป็นช่องว่างแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว!
ทว่าสำหรับคนภายในท่าเรือดอกท้อ ภาพฉากนี้กลับเป็นเรื่องปกติธรรมดา หาได้มีอันใดให้สนใจไม่
…ภาพฉากฟ้าถล่มดินทลายนั้นพวกเขาล้วนประสบด้วยตัวเองมาแล้ว นับประสาอันใดกับสิ่งนี้กัน?
เหมือนกับหมอผีตัวกระจ้อยพบกับหมอผีชื่อดังก็มิปาน
กระบี่ในมือฉู่หลิวเยว่ตวัดฟันออกไปอย่างว่องไว!
ประกายกระบี่สีเงินเฉียบพุ่งทะยานออกไปอย่างว่องไว!
ฉู่หลิวเยว่คิดอันใดอยู่กันแน่หนอ?
นี่คิดจะทำลายค่ายกลของตัวเองเสียแล้วหรือ?
ทว่าพริบตาต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อหน้ากลับทำให้พวกเขาต่างตื่นตะลึงจนนิ่งอยู่กับที่
…หลังจากประกายกระบี่สายนั้นแตะเข้ากับค่ายกลก็หาได้บังเกิดเป็นรอยแยกไม่ กลับกันมันจมสลายไปอย่างรวดเร็วดุจผิวน้ำก็มิปาน!
จากนั้น ด้านบนค่ายกลบริเวณนั้นก็บังเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นมาเป็นรอยคลื่น
ฟุ่บ!
ภายใต้การจับจ้องจากทุกคน ประกายกระบี่สายนั้นก็พุ่งออกมาจากค่ายกล แล้วตรงไปทางหนานอีฝาน!
การปรากฏตัวของมันกะทันหันเกินไป!
ในบรรดาคนทั้งหลายต่างไม่มีใครคาดคิดทั้งนั้นว่าการโจมตีนี้ของฉู่หลิวเยว่จะใช้วิธีการปล่อยพลังเช่นนี้!
อีกอย่าง ลมปราณบนประกายกระบี่สายนั้นไม่เพียงไม่ลดลงไป แต่ยังแข็งแกร่งขึ้นมาอยู่หลายส่วนด้วย!
หนานอีฝานเองก็ตกใจเช่นกัน


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...