เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1940

คมกระบี่แหลมปลาบยามอยู่ใต้แสงอาทิตย์สาดส่องนั้นทอประกายเย็นเยียบหนักหน่วง!

จิตสังหารอันเข้มข้นแผ่ปะทุออกมาจากร่างของฉู่หลิวเยว่!

ท่าทีเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงมีได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ?

หนานอีฝานถอยหลังไปครึ่งก้าว พยายามทรงตัวให้อยู่ได้อย่างยากลำบาก

แม้เขาจะหลบหลีกไปได้ทันเวลา ทั้งมิได้รับบาดเจ็บ แต่จากการประจันหน้าเมื่อครู่ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเขาเป็นฝ่ายแพ้!

อีกทั้งยังมาแพ้ต่อหน้าคนจำนวนมากปานนี้ด้วย!

ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์กลับถูกผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงคนเดียวสกัดกั้นไว้อย่างง่ายดายเช่นนี้ กระทั่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ยังถูกแย่งไปด้วย!

นี่ช่างน่าอับอายขายขี้หน้าโดยแท้!

หนานอีฝานยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกได้ถึงแค่ความอับอายที่แล่นปราดขึ้นมา

เขาไม่เคยลิ้มรสความพ่ายแพ้จากคนที่มีระดับขั้นพลังปราณต่ำกว่าเขาเช่นนี้มาก่อน!

เขาทั้งโมโหและตกตะลึง อยากจะพุ่งเข้าไปบั่นคอฉู่หลิวเยว่อีกรอบใจจะขาดอยู่รอมร่อ!

แต่อย่างใดเสีย หนานอีฝานก็เป็นถึงประมุขตระกูลหนาน

ดำรงตำแหน่งสูงมาหลายปี หากไร้สมองไม่มีหัวคิดจริงๆ ก็คงถูกโค่นลงตั้งนานแล้ว

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามปรามตัวเองให้ใจเย็นลง

ก่อนหน้านี้เขาถูกการตายของหนานอีอีและหนานอวี่สิงเข้าจู่โจมต่อเนื่อง อารมณ์จึงแปรปรวนอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังขาดความเข้าใจในพลังของฉู่หลิวเยว่ จึงผลักดันเป็นแรงกระตุ้นให้เขาทำเรื่องโง่เง่าไปมากมายเพียงนี้

อีกทั้งตอนนี้ การที่ฉู่หลิวเยว่ทำลายหอกมังกรเงินกระชากวิญญาณจนแตกสลายเป็นชิ้นๆ แทบจะปัดป้องการโจมตีครั้งนั้นของเขาได้อย่างง่ายดายทำให้เขาตาสว่างในที่สุด!

หากเป็นแบบนี้ต่อไปย่อมไม่ดีแน่

พลังต่อสู้ของฉู่หลิวเยว่เกินกว่าที่เขาคาดไว้ก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด!

พูดอีกแบบก็คือ หากคิดจะชิงเอาท่าเรือดอกท้อมาต่อก็ต้องจ่ายราคาที่มากกว่านี้…

หนานอีฝานครุ่นคิดไปมา จากนั้นก็ค่อยๆ พรูลมหายใจออกมา

ไม่เป็นไรหรอกหน่า

ฉู่หลิวเยว่สามารถสกัดกั้นเขาคนเดียวไว้ได้ แล้วยังจะสกัดกั้นคนทั้งหมดนี้ไว้ข้างนอกได้อีกอย่างนั้นหรือ?

“ในเมื่อเจ้าพูดมาแบบนี้… เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าไม่เกรงใจแล้วกัน!”

หนานอีฝานเอ่ยจบ มือทั้งสองก็ประสานกันไว้ข้างหน้า

พลังปราณดั้งเดิมอันแข็งกร้าวพวยพุ่งออกมาจากภายในร่างของเขาไม่หยุดหย่อน!

ประกายแสงสีม่วงระยิบระยับสายหนึ่งเข้าปกคลุมทั่วทั้งร่างของเขาอย่างรวดเร็ว!

“เกราะเมฆาม่วง!”

ในไม่ช้า ทั่วทั้งร่างของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยเกราะเกล็ดสีม่วง!

ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงน้อยๆ

ลมปราณสายนี้… ชวนให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก…

จากนั้น สองเท้าของหนานอีฝานขยับแยกน้อยๆ มือขวากำเข้าหากันแน่นเป็นหมัด ก่อนจะต่อยออกไปอย่างรุนแรง!

“หมัดเมฆาม่วง… สลายไปซะ!”

คราก่อนเขาใช้พลังไปเจ็ดส่วน

หากแต่ครานี้ เขาใช้พลังเต็มที่โดยไม่ลังเล!

หมัดที่ถูกปกคลุมด้วยเกราะเมฆาม่วงพุ่งแหวกอากาศออกไป!

ความว่างเปล่าสั่นสะท้านก่อนจะทยอยพังทลายลง รอยแตกสีดำอันเป็นช่องว่างแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว!

ทว่าสำหรับคนภายในท่าเรือดอกท้อ ภาพฉากนี้กลับเป็นเรื่องปกติธรรมดา หาได้มีอันใดให้สนใจไม่

…ภาพฉากฟ้าถล่มดินทลายนั้นพวกเขาล้วนประสบด้วยตัวเองมาแล้ว นับประสาอันใดกับสิ่งนี้กัน?

เหมือนกับหมอผีตัวกระจ้อยพบกับหมอผีชื่อดังก็มิปาน

กระบี่ในมือฉู่หลิวเยว่ตวัดฟันออกไปอย่างว่องไว!

ประกายกระบี่สีเงินเฉียบพุ่งทะยานออกไปอย่างว่องไว!

ฉู่หลิวเยว่คิดอันใดอยู่กันแน่หนอ?

นี่คิดจะทำลายค่ายกลของตัวเองเสียแล้วหรือ?

ทว่าพริบตาต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อหน้ากลับทำให้พวกเขาต่างตื่นตะลึงจนนิ่งอยู่กับที่

…หลังจากประกายกระบี่สายนั้นแตะเข้ากับค่ายกลก็หาได้บังเกิดเป็นรอยแยกไม่ กลับกันมันจมสลายไปอย่างรวดเร็วดุจผิวน้ำก็มิปาน!

จากนั้น ด้านบนค่ายกลบริเวณนั้นก็บังเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นมาเป็นรอยคลื่น

ฟุ่บ!

ภายใต้การจับจ้องจากทุกคน ประกายกระบี่สายนั้นก็พุ่งออกมาจากค่ายกล แล้วตรงไปทางหนานอีฝาน!

การปรากฏตัวของมันกะทันหันเกินไป!

ในบรรดาคนทั้งหลายต่างไม่มีใครคาดคิดทั้งนั้นว่าการโจมตีนี้ของฉู่หลิวเยว่จะใช้วิธีการปล่อยพลังเช่นนี้!

อีกอย่าง ลมปราณบนประกายกระบี่สายนั้นไม่เพียงไม่ลดลงไป แต่ยังแข็งแกร่งขึ้นมาอยู่หลายส่วนด้วย!

หนานอีฝานเองก็ตกใจเช่นกัน

บทที่ 1943 ลงมือฉับไว 1

บทที่ 1943 ลงมือฉับไว 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์