………………..
ทว่าในตอนนั้นเอง เงาร่างสีเขียวสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าฉู่หลิวเยว่
ขณะเดียวกัน ชายเสื้อคลุมของคนผู้นั้นก็ขยับไหว!
ห่วงหยกโปร่งใสขนาดเท่าฝ่ามือทะยานออกจากมือของเขา
ชั่วพริบตาคนทั้งหลายก็เห็นว่ากริชที่หนานอีฝานซัดออกไปพลันเบี่ยงออกอย่างอธิบายไม่ได้ไปทางห่วงหยกโปร่งใสอันนั้น!
ยิ่งเข้าใกล้ ความเร็วของมันก็ยิ่งช้าลง ราวกับจมลงสู่บ่อโคลนไร้รูปร่างก็มิปาน
ติ๊ง!
กริชเล่มนั้นกระทบเข้ากับขอบด้านในของห่วงหยกโปร่งใสเกิดเป็นเสียงดังแหลมใส จากนั้นก็หยุดลงโดยสมบูรณ์!
ในใจหนานอีฝานตื่นตกใจเป็นอันมาก
ตอนที่ซัดกริชออกไป เขาใช้พลังไปทั้งหมดทุกส่วนแล้วหนา!
ต่อให้สังหารฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ ตามหลักแล้วก็ควรทิ้งบาดแผลไว้บนร่างนางได้สักรอยสิ
ต้องเข้าใจก่อนว่ากริชเล่มนั้นมิใช่ของธรรมดาไก่กา แม้ฉู่หลิวเยว่จะมีความสามารถพอตัวก็ยังยากที่จะสกัดกั้นมันไว้ได้
ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าของสิ่งนี้ไม่เพียงแต่ทำร้ายฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ ยังถูกผู้อื่นปัดป้องออกไปอย่างง่ายดายอีก?
ในตอนนั้นเอง แรงกดดันอันดุดันแข็งกร้าวก็โถมสาดเข้ามา!
หนานอีฝานถูกบังคับให้หยุดนิ่งอยู่กับที่
เขาหันมองคนลงมือทันทีก่อนจะขมวดคิ้วแน่น
เฉินอี
เขาจำคนผู้นี้ได้
นี่คือทหารในสังกัดของฉู่หลิวเยว่
เขาคอยตามอยู่ข้างกายฉู่หลิวเยว่ไม่ห่างตั้งแต่แรกเริ่มจนบัดนี้
แต่จากเรื่องราวเหล่านี้ก็ดูออกได้ไม่ยากว่าเขาน่าจะเป็นมือขวาที่พรั่งพร้อมด้วยความสามารถของฉู่หลิวเยว่ อยู่กับนางต้องมีตำแหน่งที่สูงไม่เบาแน่
เพียงแต่…
เหตุใดพลังของเขาถึงได้แข็งแกร่งปานนี้?
ความสนใจของหนานอีฝานหยุดอยู่ที่ตัวฉู่หลิวเยว่และหรงซิวมาโดยตลอด
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาแทบไม่ได้สังเกตเฉินอีเลยด้วยซ้ำ
จนกระทั่งตอนนี้ที่เฉินอีลงมือ!
คนธรรมดาสามัญจะหยุดยั้งการโจมตีนี้ของเขาลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างใดกัน?
หนานอีฝานเริ่มกวาดตามองสำรวจเฉินอีอย่างละเอียด
ทว่าเฉินอีกลับดูจะไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
เขาสะบัดข้อมือคราหนึ่งเก็บห่วงหยกโปร่งใสชิ้นนั้นกลับไป
“เอากริชเล่มนั้นมาให้ข้าดูหน่อย”
ฉู่หลิวเยว่กล่าว
เฉินอีขานรับเสียงหนึ่ง ก่อนจะยื่นกริชเล่มนั้นส่งให้นางด้วยสองมือ
ฉู่หลิวเยว่กวาดตามองกริชสีม่วงในมืออย่างถี่ถ้วน พักหนึ่งถึงจะเผยรอยยิ้มแฝงความนัยลึกล้ำออกมา
“ประมุขหนานช่างมีฝีมือยอดเยี่ยมนัก กระทั่งเกล็ดมังกรของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงก็ยังนำมาตีเป็นอาวุธคมได้?”
มิแปลกใจแล้วว่าก่อนหน้านี้ที่หนานอีฝานหยิบของสิ่งนี้ออกมา นางถึงได้รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกอยู่หลายส่วน
ที่แท้กริชเล่มนี้… ก็ใช้เกล็ดมังกรของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงมาตีหลอมนี่เอง!
เพียงแต่ไม่รู้ว่าหนานอีฝานใช้วิธีการใดถึงได้มีแม้กระทั่งของสิ่งนี้อยู่ในครอบครอง
สีหน้าของหนานอีฝานเย็นเฉียบ
“ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า!”
ยิ่งไปกว่านั้น เกล็ดมังกรชิ้นนี้มิใช่ของธรรมดาสามัญ
ด้านในนี้เก็บงำความลับอันใดอยู่กันแน่ก็ยังต้องพูดกันต่อไป
เพียงแต่คำพูดพวกนี้ ฉู่หลิวเยว่มิได้กล่าวออกมาแต่อย่างใด
หนานอีฝานไม่คิดต่อปากต่อคำกับฉู่หลิวเยว่ให้มากความอีก
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันควัน หลังจากหยุดนิ่งชั่วขณะหนึ่ง ก็ทำการลงมืออีกรอบ!
ดูจากท่าทีแล้วคงหมายจะปักฉู่หลิวเยว่เป็นเป้าไว้มั่นเหมาะอย่างใดอย่างนั้น
เฉินอีที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านหลัง มือทั้งสองก็ประสานกันเป็นเชิงคำนับ
“เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้มิต้องให้นายหญิงลำบากลงมือด้วยตนเองหรอก”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดไปมาก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ
“ก็ดี ไม่ได้เห็นเจ้าลงมือมานานแล้วเหมือนกัน”
พูดจบ นางก็หันศีรษะกลับไปทันที
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่ด้านในประตูเมืองใหญ่พลางจดจ้องสายตามาทางนี้เขม็ง
ฉู่หลิวเยว่กวักมือเรียก
“สือซาน มานี่”
เมื่อครู่นางจับสัมผัสได้ว่าสือซานมาถึงแล้ว
เพียงแต่เขารู้ความอย่างมาก รู้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าสลับซับซ้อนจึงมิได้รุดหน้าไปแต่อย่างใด เพียงแค่ยืนเฝ้าดูอยู่ด้านในเท่านั้น
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่หลิวเยว่ นัยน์ตาของสือซานพลันสว่างวาบ รีบพุ่งตัวเข้าไปข้างในทันที

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...