โหมวฝูซานขมวดคิ้วขณะเพ่งสายตาไปยังสภาพอันน่าอับอายของหนานอีฝาน พลันขมวดคิ้วฉับพลัน
“เกิดอันใดขึ้นหรือ ประมุขหนาน?”
โหมวฝูซานเอ่ยถาม พลางกวาดตามองรอบตัวอย่างเร็วพลัน
แวบหนึ่งเขาเห็นฉู่หลิวเยว่ถือเกล็ดมังกรแตกๆ ไว้ในมือ
ก่อนจะนึกตกใจขึ้นมาเล็กน้อย
สถานการณ์เช่นนี้ ดูไม่ถูกต้องนัก…
และคำพูดถัดไปของหนานอีฝาน ก็คลายข้อสงสัยของเขาในบัดดล
“ผู้อาวุโสฝูซาน เรื่องมันมีอยู่ว่า ซั่งกวนเยว่ หรงซิวและคนอื่นๆ ได้สังหารบุตรทั้งสองของข้า รวมทั้งผู้อาวุโสหลายคนจากตระกูลหนานด้วย เดิมทีข้าเพียงพาคนมาขอคำอธิบาย แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจักเล่นแง่เช่นนี้ นอกจากจะปั่นหัวผู้อาวุโสตระกูลหนานหลายคนที่เคยจับตัวมาก่อนนี้แล้ว ซ้ำยังบีบให้พวกเขาสาดสีตีไข่ใส่ข้าอีก! ผู้อาวุโสฝูซาน หลายปีมานี้ข้าไม่เคยรบกวนท่าน ทว่าครานี้ ข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ…”
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับตกใจในสิ่งที่ได้ยิน
คนเรากลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำเพียงนี้เชียวหรือ?
ไยถึงกลับกลอกได้เพียงนี้กัน?
หลักฐานก็อยู่ตรงหน้า แต่เขายังตลบตะแลงแถไถเช่นนี้ได้ ช่างหน้าด้านหน้าทนเกินคนจริงๆ
ฉู่หลิวเยว่เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่า เหตุใดเขาถึงดำรงตำแหน่งประมุขตระกูลหนาน มาได้ยาวนานเพียงนี้
โหมวฝูซานรับฟัง ทว่าสีหน้ากลับลึกซึ้งเต็มไปด้วยความคิด
จนกระทั่งหนานอีฝานพูดจบ เขาก็พยักหน้ารับคำ
ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว
ทุกคนล้วนหันไปมองด้วยสีหน้าที่หลากหลาย
ทั่วทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่นั้น มีผู้อาวุโสแห่งฝูซานเพียงคนเดียว!
…นั่นก็คือผู้อาวุโสแห่งเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลง โหมวฝูซาน!
คนผู้นี้นั้นเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเกรียงไกร ว่ากันว่าเป็นผู้อาวุโสผู้หนึ่งที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงส่งมากในเผ่าไท่ซวีเฟิงหลง แม้แต่หัวหน้าเผ่ายังต้องน้อมเคารพ
พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าหนานอีฝานติดต่อกับโหมวฝูซาน!
หากมีคนผู้นี้ แม้จะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาของฉู่หลิวเยว่ อย่างนายน้อยแห่งเผ่าหงส์ทองคำตนนั้น พลังอำนาจก็คงไม่ด้อยกว่ากันไปมากเท่าใด?
ครั้นคิดเช่นนี้ สายตาท่าทางของฝูงชนก็เปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง
หนานอีฝานเช็ดเลือดที่มุมปาก พลันตวัดตามองฉู่หลิวเยว่ด้วยความโอหัง
ทว่าท่าทีต่อมาของโหมวฝูซาน กลับทำให้พวกเขาตกตะลึงจนพูดไม่ออก
สองมือของเขากำหมัดแน่น ก่อนจะยกมันขึ้นมาประสานหมัดคารวะหรงซิวและฉู่หลิวเยว่ตามลำดับ
“โอรสสวรรค์ พระชายา มิได้พบพานกันเสียนาน สบายดีหรือไม่”
ทัศนคติของเขานั้นนอบน้อมสุภาพยิ่ง มิหนำซ้ำยังเต็มไปด้วยความคุ้นเคย ราวสหายที่ไม่ได้พบกันนาน!
รอยยิ้มถือดีของของหนานอีฝานพลันชะงักค้างกลางใบหน้า
เขาจ้องมองโหมวฝูซานอย่างไม่เชื่อสายตา
เขาอันเชิญอีกฝ่ายมาเพื่อจัดการพวกฉู่หลิวเยว่! แต่การทักทายเช่นนี้มันอันใดกัน?
หรงซิวพยักหน้ารับ ริมฝีปากบางยกโค้งขึ้นเล็กน้อย
“หายหน้าหายตาไปเสียนาน สภาพจิตใจของผู้อาวุโสฝูซานดูดีขึ้นมากเลยทีเดียว”
คิ้วเรียวของฉู่หลิวเยว่โค้งงอลงเป็นรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว เหมือนว่าช่วงนี้ ผู้อาวุโสฝูซานจะดูเปรมปรีดิ์ขึ้นเยอะนา?”
โหมวฝูซานโบกมือพัลวัน พลางหัวเราะขึ้น
“ทั้งสองท่านโปรดอย่าล้อข้าเลย ก่อนหน้านี้ในเผ่ามีเรื่องวุ่นวายให้จัดการ ข้าจึงมิอาจปลีกตัวออกมาแสดงความยินดีกับท่านทั้งสองในวันสมรสได้ด้วยตัวเอง หวังว่าพวกท่านจะยกโทษให้ข้าผู้นี้ได้”
เมื่อโหมวเจินขึ้นรับตำแหน่ง แน่นอนว่าต้องมีการจัดล้างระบบการปกครองในเผ่าใหม่
ดังนั้นช่วงนี้ สมาชิกในเผ่าไท่ซวีเฟิงหลงทั้งหมด จึงค่อนข้างยุ่งตัวเป็นเกลียว
“ผู้อาวุโสฝูซานเกรงใจไปแล้ว ท่านเป็นถึงผู้อาวุโส เดิมที่เป็นข้าที่ควรพาเยว่ออร์กลับไปยังเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า ยังไม่ทันจะได้ออกเดินทาง ก็ได้เจอท่านที่นี่เสียก่อน”
ทั้งสามคนพูดจากันอย่างออกอรรถรส ท่ามกลางความสับสนของผู้คนรอบด้าน
นะ นี่มันเหมือนว่า พวกของหรงซิวกับฉู่หลิวเยว่จะมีความสัมพันธ์อันดีงามกับโหมวฝูซานเลย?


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...