………………..
ทุกถ้อยคำดังก้องอยู่ในหูของทุกคนอย่างชัดเจน!
ราวกับเสียงกัมปนาทเลือนลั่น!
ผู้คนต่างตกตะลึงในทันที เนิ่นนานกว่าจะตั้งสติได้ ประหนึ่งว่าหูฝาดไปก็มิปาน!
เป็นคนในครอบครัวหรือ!?…
ครอบครัวอย่างนั้นหรือ!?
ฉู่หลิวเยว่ผู้นั้นเป็นใคร สูงส่งมาจากไหนกัน ไยจึงทำให้โหมวฝูซานกล่าวเช่นนั้นออกมาได้!?
หนานอีฝานถึงกับอึ้งกิมกี่ เขาจ้องโหมวฝูซานอย่างตกตะลึงสุดขีด ริมฝีปากอ้าออกพะงาบ ในใจเต็มไปด้วยคำถาม แต่ไม่ว่าอย่างใด ก็มิเค้นเสียงอาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้
โหมวฝูซานกล่าวว่า
“ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านประมุขหนานก็จริง แต่…ใต้หล้านี้ ใครเล่าจะเข่นฆ่าครอบครัวตัวเองเพื่อคนนอก? ประมุขหนาน ท่านไม่คิดเช่นนั้นหรือ?”
หากประโยคก่อนหน้านี้โหมวฝูซานกล่าวไปนั้น ถือว่ามีไหวพริบจนเถียงไม่ได้แล้ว ประโยคนี้ยิ่งถือว่าดับฝันหนานอีฝานยิ่งกว่าเสียอีก!
คนในครอบครัว!
คนนอก!
รักใครชังใคร แค่นี้ก็ชัดเจนเต็มสองตาแล้ว!
“ครั้งนี้ข้าจำต้องขอโทษตระกูลหนานจริงๆ ฉะนั้นในอนาคตหากตระกูลหนานต้องการความช่วยเหลือ ก็ขอให้เอ่ยปากขอ ข้าจักช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพียงแต่ครั้งนี้… โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ที่ไม่อาจช่วยท่านได้ตามคำขอ”
โหมวฝูซานเอ่ยต่อ
“และเพื่อชดเชยความผิด สามารถทบยอดคำร้องขอความช่วยเหลือจากหนึ่งครั้ง เป็นสองครั้งได้ ไม่ทราบว่าประมุขหนานคิดเห็นเช่นไรหรือ?”
คิดเห็นเช่นไรหรือ?
ในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว ยังจะขอความเห็นเขาไปอีกเหตุใด?
หนานอีฝานยิ้มเยาะในใจ
และถ้าเขาไม่เห็นด้วย โหมวฝูซานจะยอมกลับคำพูดหรือ?
ที่สำคัญก็คือ ถ้าโหมวฝูซานไม่ยอมช่วย เช่นนั้นหนานอีฝาน จะรอดผ่านวันนี้ไปได้หรือไม่ นั่นคือปัญหา!
แม้นในภายภาคหน้าจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นสองเท่าสามเท่าแล้วจักมีประโยชน์อันใด!
น่าขำสิ้นดี!
ยามนี้ใบหน้าของหนานอีฝานนั้นเย็นเฉียบ มีเพียงทรวงอกที่ร้อนรุ่ม ราวกับว่ามีบางอย่างกวนใจเขาให้ควั่ก และกำลังจะระเบิดออกมา!
ลมปราณอุ่นร้อน หวานหอมอมคาว พลันพลุ่งพล่านขึ้นมาในลำคอ
เขากลืนมันกลับลงไปทันที!
แต่ไหนแต่ไร เขาไม่เคยรู้สึกอับอายขายขี้หน้าเช่นตอนนี้เลยสักครา!
คำพูดของโหมวฝูซานเหมือนตบหน้าเขาดังฉาด ปวดแสบปวดร้อนจนหน้าชา!
…
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ของเหล่าคนที่ยืนอยู่นอกค่ายกลเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าของหนานอีฝาน
โหมวฝูซานกล่าวว่า… ฉู่หลิวเยว่เป็นคนของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงของพวกเขาอย่างนั้นหรือ?!
แต่นางเป็นมนุษย์นะ!
ที่สำคัญกว่านั้น อสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาของนาง ก็เป็นถึงนายน้อยของเผ่าหงส์ทองคำ!
ถ้าบอกว่าเป็นหนึ่งในคนของเผ่าหงส์ทองคำ ก็ยังพอมีเหตุผล แต่กับเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงแล้วนั้น…
ทั่วทั้งอาณาจักรเซิ่นสวี่ มีใครไม่รู้บ้างว่าความสัมพันธ์ระหว่างอสูรศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลทั้งสองเผ่าพันธุ์นี้ ละเอียดอ่อนมากมายเพียงใด?
ภายนอกอาจดูเหมือนรักใคร่กลมเกลียว แต่ความเป็นจริงแล้ว พวกเขาล้วนแก่งแย่งชิงดีกันเสียยิ่งกว่าอันใด
ไท่ซวีเฟิ่งหลงนับเอาฉู่หลิวเยว่เป็นหนึ่งในสมาชิกของเผ่าตน…
พวกเขามิได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของหงส์ทองคำตนนั้นเลยหรือ?
สำหรับอสูรศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลสองเผ่านี้ ตระกูลอี้ของพวกเขานั้นคอยจับตามองอย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่เคยได้ยินข่าวคราวใดๆ เลย
น่าแปลกนัก ไยฉู่หลิวเยว่ถึงได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับพวกเขาขนาดนี้?
ที่น่าฉงนยิ่งกกว่าก็คือ โหมวฝูซานนั้นมีสถานะสูงส่ง โดยพื้นฐานแล้วแนวคิดของเขาเปรียบดั่งทัศนคติของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงทั้งหมด
หากได้รับการสนับสนุนจากหงส์ทองคำและไท่ซวีเฟิ่งหลงในเวลาเดียวกันล่ะก็ เช่นนั้น…
เมื่อถึงเวลาย่อมรับมือได้ยากโดยแท้!
อี้เหวินเทาค่อยๆ กำหมัดแน่น
…
ฉู่หลิวเยว่เองก็ตกใจไม่ต่างกัน ที่โหมวฝูซานกล่าวเช่นนั้นออกมาโต้งๆ
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...