………………..
“หึ”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นอย่างไม่ปิดบัง
หนานซู่ไหวมองไปทางอี้เหวินเทาด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ประมุขตระกูลอี้คำนวณแผนการได้ยอดเยี่ยมมาก เมื่อครู่ตอนที่ผู้เฒ่าอย่างข้ามาถึง เจ้ายังมีท่าทีไม่ใส่ใจ เอะอะก็บอกว่าจะทะลวงม่านพลังนี้เข้าไป แต่เหตุใดเมื่อผู้อาวุโสซั่งกวนและคนอื่นๆ มาถึง เจ้าถึงได้เปลี่ยนความคิดอย่างกะทันหันเช่นนี้ล่ะ?”
ทุกคนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว ต่อให้อี้เหวินเทาร่วมมือกับตระกูลหนาน ก็ยากจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ
เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ซั่งกวนจิ้งเชิญมาก็ไม่ได้มีดีเพียงฐานะเท่านั้น
หากต่อสู้กันขึ้นมา ใครเป็นฝ่ายแพ้ใครเป็นฝ่ายชนะ มองเพียงครู่เดียวก็รู้แล้ว!
อีกทั้งหลังจากศึกนี้เสร็จสิ้น ตระกูลหนานและตระกูลอี้จะต้องเสียหายมากมายแน่นอน
อี้เหวินเทาไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงเช่นนั้น ดังนั้นจึงเปลี่ยนความคิดในทันที โดยเสนอเงื่อนไขใหม่ขึ้นมา
แต่เมื่อได้รับคำดูถูกเหยียดหยามของหนานซู่ไหว อี้เหวินเทาก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องรีบระงับโทสะนั้นเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้เรื่องเหล่านั้นไม่ได้สำคัญอันใดแล้ว
ขอเพียงแค่ต้องหยุดเหตุการณ์เหล่านี้ พวกเขาถึงมีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์ได้!
และนี่ก็เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะสามารถยึดครองท่าเรือดอกท้อได้!
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปมองทางฉู่หลิวเยว่
“ซั่งกวนเยว่ เจ้าจะตอบตกลงหรือไม่?”
คนอื่นคิดอย่างใด เขาไม่สน เพราะว่ามันไม่สำคัญ
และในตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ถือว่าเป็นผู้ครองท่าเรือดอกท้อ ถ้าเช่นนั้น หากจะถามก็ต้องถามนางคนเดียว!
นางจะเห็นด้วยหรือไม่ก็อยู่ที่นาง!
หลังจากนั้นริมฝีปากแดงของฉู่หลิวเยว่ก็ยกโค้งขึ้น ดวงตาเปล่งประกาย แล้วพยักหน้าเบาๆ
“ได้!”
…
ได้?
นี่นาง…ตอบรับแล้วอย่างนั้นหรือ?
ทุกคนแทบจะหยุดชะงักไป แม้กระทั่งคนส่วนใหญ่ภายในท่าเรือดอกท้อก็ยังเผยสีหน้าตกใจออกมา
เงื่อนไขนี้… นางควรปฏิเสธสิ เหตุใดนางถึงเห็นด้วยเล่า?
ด้วยสถานการณ์แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ ไม่จำเป็นจะต้องประนีประนอมกับอี้เหวินเทาด้วยซ้ำ!
“นายท่าน…เหตุใดถึงตกลงล่ะขอรับ?”
สือซานพูดพึมพำเสียงต่ำด้วยความมึนงง
เขาถามพร้อมหันไปมองเฉินอีที่อยู่ด้านข้างอย่างอดไม่ได้ แต่เขาก็พบว่าสีหน้าของอีกฝ่ายนั้นราบเรียบ เหมือนว่าไม่ได้มีความประหลาดใจเลย
“พี่ใหญ่?”
สือซานถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“พี่ว่า นายท่านกำลังคิดอันใดอยู่กันแน่?”
เฉินอีมีสีหน้าราบเรียบ เขาหยุดชะงักไปชั่วครู่ แล้วอธิบายขึ้นว่า
“ไม่มีอันใด”
“นายท่านก็แค่ไม่อยากให้ฐานที่มั่นที่เพิ่งทำความสะอาดสกปรกอีกครั้ง”
สือซาน “…”
“สามารถขจัดเรื่องออกไปได้โดยไม่ต้องใช้กำลังมาก นั่นก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ?”
เฉินอีอธิบายต่อ
เขาเข้าใจความหมายที่พี่ใหญ่พูด
แม้ว่าตอนนี้ฝ่ายเขาจะมีผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากกว่า และมีโอกาสชนะมากกว่า
แต่หากมีคนต่อสู้กันเป็นจำนวนมาก มันจะต้องสั่นสะเทือนฟ้าดินแน่นอน
ต่อให้สุดท้ายแล้วพวกเขาเป็นฝ่ายชนะ แต่พวกเขาก็ยังจะต้องจ่ายค่าตอบแทนไม่น้อย
หากเป็นการท้าดวลหนึ่งต่อหนึ่งกับอี้เหวินเทา ถ้าอย่างนั้นก็ประหยัดแรงและประหยัดเวลามากกว่า


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...