ร่างกายของฉู่หลิวเยว่สั่นเทิ้ม ในเวลานี้นางรู้สึกได้ถึงพลังกดดันอันน่ากลัวที่มาจากโบราณกาล ซึ่งทำให้วิญญาณของนางสั่นสะท้าน
นางยังไม่ทันได้ตกตะลึง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกถึงไฟแผดเผาที่ทั้งน่ากลัวและร้อนลวกออกมาจากร่างกาย
น้ำหยดนั้นแตกกระจายเป็นอนุภาคเล็กๆ นับพันแทรกซึมเข้าไปในชีพจรของนางราวกับประกายไฟที่ก่อให้เกิดไฟลุกโชติช่วงทันที
ร่างกายของนางเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ร้อนระอุ!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นไหวรุนแรง ก่อนจะสะดุ้งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว กำหมัดกัดฟันแน่น จมูกกับปากเต็มไปด้วยลมหายใจกลิ่นคาวเลือดแรง!
ช่วงเวลานี้ราวกับว่าได้หวนกลับไปในค่ำคืนที่ฝันร้าย
ความเจ็บปวดเจียนตายนี้ยังเจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งนั้นเสียอีก!
ร่างของฉู่หลิวเยว่ขึ้นสีแดง และใบหน้าแดงก่ำ จนทั้งร่างของนางแทบจะเป็นถ่านที่ติดไฟลุกโชน
เหงื่อไหลออกตามร่างกายนางตลอดเวลา แต่ยังไม่ทันเปียกชุ่มก็ถูกความร้อนรุ่มในร่างกายของนางแผดเผาจนแห้งสนิท
ทันใดนั้นนางก็เกือบจะเกิดความรู้สึกสิ้นหวังโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว!
ทรยศ!
แผดเผามอดไหม้!
ดับสูญ!
แต่เวลาถัดมา นางก็กัดลิ้นตนเองอย่างแรง ความรู้สึกเจ็บแปลบทำให้นางได้สติสัมปชัญญะ
นางพร่ำบอกตัวเองว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่ศาลบรรพชนของราชวงศ์เทียนลิ่ง และนี่ก็มิใช่คืนที่นางตายจากโลกนี้ไป
หากนางคิดที่จะแก้แค้น นางจะต้องผ่านด่านนี้ไปให้ได้!
เวลานี้ ทุกวินาทีต่างทรมานเจียนขาดใจมิมีสิ่งใดเปรียบ!
ในขณะเดียวกัน ในที่สุดชีพจรที่ไม่สมบูรณ์ของฉู่หลิวเยว่ก็เชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์!
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดความเจ็บปวดทรมานก็ค่อยๆ ทุเลาหายไป เมื่อฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้นช้าๆ ก็เห็นว่ายาต้มในถังไม้ที่เคยมีสีใส บัดนี้กลับขุ่นขึ้นอย่างมาก
นางรีบตรวจชีพจรของตนเอง แต่พอตรวจดูแน่ชัดแล้วก็ถอนหายใจอย่างอดมิได้!
“ชีพจรตี้จิงหรือ!”
ตอนนี้ชีพจรนั้นที่ไม่สมบูรณ์ได้รับการฟื้นฟูแก้ไขจนสมบูรณ์หมดแล้ว ทั้งยังสดใสชุ่มชื้นไปทั่วทั้งร่าง ทั้งยังเรืองแสงสีแดงอ่อนๆ อีกด้วย
นางเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน หลังจากที่ฟื้นฟูชีพจรให้กับร่างกายนี้แล้ว จะสามารถไปถึงชีพจรระดับตี้จิงได้!
แต่ต้องทราบก่อนว่า ในประวัติศาสตร์รอบหนึ่งพันปีทั่วทั้งราชวงศ์เทียนลิ่ง มีเพียงสองคนเท่านั้นที่มีชีพจรเทียนจิง
แม้ว่าชีพจรตี้จิงจะต่ำกว่าเพียงขั้นเดียว แต่ก็นับว่าเป็นผู้ที่สูงส่งและหาได้ยากเช่นกัน
เดิมทีชีพจรของร่างนี้ไม่สมบูรณ์มาตั้งแต่กำเนิด ตอนแรกนางคิดว่าหลังจากฟื้นฟูชีพจรให้แล้ว หากสามารถบรรลุชีพจรระดับเสวียนจริงได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว แต่กลับคาดไม่ถึงว่า…
นี่ช่างเป็นความปีติยินดีอย่างยิ่งจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ การฝึกยุทธ์ในอนาคตของนางจะต้องได้ผลเป็นสองเท่า โดยออกแรงเพียงครึ่งเดียว!
ฉู่หลิวเยว่รีบเปลี่ยนน้ำร้อนในถังเพื่ออาบน้ำใหม่อีกรอบ
การเปลี่ยนแปลงชีพจรครั้งนี้ ดูเหมือนจะขับของเสียในร่างกายออกไปด้วย จึงทำให้นางรู้สึกเบาเนื้อเบาตัวกระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างมาก
หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จสิ้น นางจึงมานั่งขัดสมาธิบนเตียงและลองดูดซับพลังแห่งฟ้าดินที่อยู่รอบตัว แล้วก็สามารถรวบรวมพลังมาไว้ในตำแหน่งตันเถียนสำเร็จ ทำให้มันกลายมาเป็นพลังของตัวเองได้จริงดังคาด
นางสัมผัสได้ถึงพลังที่แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย ความรู้สึกอันแสนคุ้นเคยนี้ทำให้ฉู่หลิวเยว่สบายใจขึ้นมาก
จากนี้เป็นต้นไป นางสามารถเริ่มต้นเส้นทางแห่งผู้ฝึกยุทธ์ได้อีกครั้ง!
แต่ถึงกระนั้น นางก็ยังมีข้อสงสัยอีกอย่างหนึ่งในใจ
หน้ากระดาษหนังสือใสหน้านั้นที่กลายมาเป็นทะเลสาบในตำแหน่งตันเถียนคือสิ่งใดกันแน่
ดูเหมือนน้ำหยดนั้นที่พุ่งขึ้นมานั้นเป็นตัวการที่ทำให้ชีพจรของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
อนึ่ง ในชั่วขณะนั้น พลังกดดันน่ากลัวที่นางรู้สึกถึงได้นั้นคือ…
ก๊อกๆๆ!
จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เยว่เอ่อร์ ลูกตื่นหรือยัง”
เป็นเสียงของฉู่หนิง
ฉู่หลิวเยว่หันไปมอง คราวนี้ก็พบว่าเวลาได้ผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นไปเปิดประตู
ฉู่หนิงยืนตรงประตู สีหน้าที่เคยสิ้นหวังหมองหม่น บัดนี้กลับดูแจ่มใสเบิกบานขึ้นมาก
เขาในวันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด
ฉู่หลิวเยว่เอียงศีรษะแล้วยิ้มให้กับเขา
“ท่านพ่อบรรลุขั้นแล้วหรือเจ้าคะ”
ฉู่หนิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นลบเรือนผมของนาง
“พ่อปิดบังอะไรเยว่เอ๋อร์ไม่ได้จริงๆ”
สิบปีก่อน เขาอยู่ห่างจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ห้าเพียงก้าวเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงทำให้ไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้อีก และเพราะร่างกายพิการ แม้กระทั่งพลังของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สี่ก็มิอาจใช้การได้
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า วันนี้หลังจากผ่านไปสิบปี เขาจะสามารถฟื้นตัวได้ดั่งเมื่อก่อน ทั้งยังบรรลุผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ห้าได้อีกด้วย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์