เหิงจิ่งชั่วยืนขึ้นและรีบตรงไปอยู่หน้าของอันดับที่หนึ่ง!
แทบจะทุกคนที่ตื่นเต้นทันที ทั้งสองคนนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตระการตาที่สุดในงานสมาคมเยาวชนนี้อย่างแน่นอน ฉู่หลิวเยว่เป็นเพียงเด็กใหม่ แต่พลังการต่อสู้ขอนางนั้นยอดเยี่ยมมาก มันไม่ใช่ปัญหาเลยที่จะชนะด้วยการก้าวกระโดด เหิงจิ่งชั่วมีความก้าวหน้าต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ก็ไม่สามารถที่จะมองข้ามได้!
เมื่อสองคนนี้มาเจอกัน มันช่างน่าสงสัยเสียจริงว่าใครจะชนะแล้วยืนบนอันดับที่หนึ่ง!
ภายใต้การจ้องมองของดวงตานับไม่ถ้วน ฉู่หลิวเยว่ยืนขึ้นแล้วพยักหน้าเบาๆ
“เชิญ!”
…
“คาดไม่ถึงว่าในท้ายที่สุดมันจะเป็นการประลองระหว่างเราสองคน”
เหิงจิ่งชั่วเอามือทั้งสองประสานกันแล้วยกขึ้นในระดับหน้าอกพลางยกยิ้ม
ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ต่างนางยิ้มที่ดูเหมือนไม่ยิ้ม
“เจ้าน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหิงจิ่งชั่วหยุดนิ่งครู่หนึ่ง แต่เพียงครู่เดียวมันก็หายวับไปก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยต่อ
“แม่นางฉู่ช่างพูดล้อเล่นเก่งจริงๆ มางานสมาคมเยาวชนใครจะไม่อยากชนะ? ข้าแค่ไม่คิดว่าจะสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ และข้าไม่ได้คาดหวังว่าคู่ประลองคนสุดท้ายจะเป็นเจ้าจริงๆ”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจฟังแม้แต่คำเดียว เหิงจิ่งชั่วเมื่อเอ่ยจบเขาก็เตรียมพร้อมอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้เขาจงใจปกปิดพลังของเขา จนกระทั่งเขาเผชิญหน้ากับองค์รัชทายาท ในที่สุดเขาก็แสดงให้เห็นขอบเขตที่แท้จริง นางเกือบจะคิดไปแล้วว่าเขาจะใช้วิธีการอื่น
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระแล้วมาเริ่มกันเลยดีกว่า!”
เมื่อกล่าวจบฉู่หลิวเยว่ นางก็นำค่ายกลของผลึกสีดำออกมาทันที!
ดวงตาของเหิงจิ่งชั่วกระตุกเล็กน้อย
การเคลื่อนตัวของฉู่หลิวเยว่ เป็นเรื่องยากที่จะรับมือ…
…
“ฉู่หลิวเยว่แสดงท่าสังหารทันทีที่ขึ้นบนเวที นั่นดูท่าจะไม่ค่อยดีใช่หรือไม่”
ไป๋เชินถามอย่างกังวล
ซุนจ้งหยวนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
“เช่นนั้นนางจะทำอันใดได้อีก อย่างไรเสียเหิงจิ่งชั่วเป็นผู้ฝึกยุทธ์สูงสุดระดับสี่”
ช่องว่างระดับระหว่างทั้งสองนั้นเหมือนราวกับอ่าว หากฉู่หลิวเยว่ไม่พยายามอย่างเต็มที่ตั้งแต่ต้นการประลองมันก็จะจบลงในไม่ช้าอย่างแน่นอนนี้
ถ้าถึงเวลานั้น นางคงไม่มีโอกาสใช้กลเม็ดนี้ด้วยซ้ำ
“แต่ก่อนหน้านี้นางใช้พลังมากเกินไป และแน่นอนว่ามันยังไม่ฟื้นอย่างเต็มที่ นี่…”
“หลังจากชนะซือถูจื่อเยว่นั้นก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แม้ว่านางจะแพ้ในการประลองนี้ก็ยังคงเป็นที่สอง นางยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในสำนัก ครั้งนี้ตราบใดที่นางพยายามทำให้ดีที่สุดนางจะไม่เสียใจ”
ไป๋เชินก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน เขาก็ไม่ได้พูดอันใดมากกว่านี้
…
“ค่ายกลพุทธสัตตบุษย์!”
เสียงนุ่มนวลเอ่ยขึ้นเบาๆ จากฉู่หลิวเยว่ กลีบดอกบัวชั้นแรกก็ค่อยๆ ผลิบาน ทันทีหลังจากนั้น ชั้นที่สองก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
และแล้วดอกบัวหลวงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง!
แรงกดดันอันทรงพลังแพร่กระจายอย่างเงียบๆ การใช้ค่ายกลพุทธสัตตบุษย์สองครั้งติดต่อกันนั้นทำให้ฉู่หลิวเยว่เกือบจะหมดพลัง แต่พลังของค่ายกลระดับสี่ก็เพียงพอที่จะจัดการกับจุดสูงสุดระดับสี่ได้!
ตราบใดที่การเคลื่อนไหวหนึ่งครั้งเป็นอันตรายถึงชีวิต เหิงจิ่งชั่วก็ไม่มีพลังตีกลับ นางจะสามารถชนะได้ เหิงจิ่งชั่วมองไปที่ดอกบัวที่บานช้าๆ ท่าทีของเขาก็ค่อยๆ เคร่งขรึม มือของเขาพับลงเล็กน้อยที่ด้านหน้า พลังดั้งเดิมของเขารวมตัวกันขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ทรงกลมที่สว่างราวกับดวงจันทร์ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา!
แสงสว่างทรงกลมดูร้อนแรงดุจไฟ แต่จริงๆ แล้วมันช่างหนาวเหน็บ หมอกสีขาวค่อยๆ รวมตัวแล้วปกคลุมบริเวณโดยรอบ แม้แต่มือของเหิงจิ่งชั่วก็ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง พลังของทั้งสองกำลังสะสมอยู่ในตัวของพวกเขาเอง!
เหิงจิ่งชั่วปล่อยลำแสงในมือของเขาไปข้างหน้า
“ตะครุบจันทร์!”
ลำแสงทรงกลมพุ่งเข้าหาฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่กระตุ้นพลังดั้งเดิมในร่างกายของนางเพื่อหนีทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์