ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 271

เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นาๆ แต่ในความจริงแล้ว แม้จะได้ยินก็ไม่สนใจอยู่ดี การทำยาแบบนี้นางทำมาหลายครั้งมากแล้ว ต่อให้วันนี้จะมีพลังไม่พอ แต่ความกระตือรือร้นและประสบการณ์ยังมีอยู่

ทำให้นางสบายใจไม่น้อย

นางใส่วัตถุดิบชิ้นที่สามลงไปอย่างไม่รีบร้อน

เห็นฉู่หลิวเยว่จัดการกับวัตถุดิบยาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนแล้ว เสียงโวยวายรอบข้างก็ค่อยๆ เบาลง

ทุกคนมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ

มองไปแล้วก็ดูเหมือนว่าฉู่หลิวเยว่ท่าทางดูไม่ได้ไม่เข้าใจ ยิ่งไปกว่านั้นคือท่าทางของนางดูธรรมชาติไหลลื่นกว่าคนอื่นๆ อีกด้วย!

สภาพแวดล้อมทุกอย่างอำนวยราวกับว่าเคยติดต่อกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว รอยยิ้มในสายตาของเฉิงหันค่อยๆจางหายไป

จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็จัดการกับวัตถุดิบยาที่เหลือ ในใจของเขาที่หวังจะหัวเราะเยาะก็ได้หายไปในพริบตา

เขาเป็นถึงแพทย์ระดับห้า สายตาของเขาดีกว่าคนทั่วไปไม่รู้เท่าไร เขาต้องดูออกแน่นอนอยู่แล้วว่า ฉู่หลิวเยว่ยังแสดงวิชาที่ทำให้คนรู้สึกทึ่งอีกด้วย!

เริ่มแรกเขาก็ยังคิดเข้าข้างตัวเองคิดว่าฉู่หลิวเยว่เป็นแค่แมวตาบอดที่บังเอิญไปเจอหนูที่ตายก็เท่านั้น แต่ไม่นาน ใจของเขาก็ห่อเหี่ยวลง

ซือถูซิงเฉินไม่ได้มีแววเท่ากับจั่วหรงแต่นางก็ผ่านการฝึกทำยามาไม่น้อย เมื่อเห็นลูกยอดฟ้าหิมพานต์ที่ควรจะสลายไปตั้งนานแล้วในหม้อยาของฉู่หลิวเยว่ ยังคงลอยอยู่สมบูรณ์ไม่มีการเสียหายใดๆ แล้ว ในที่สุดนางก็รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้

นางค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น ทำไมทุกเรื่องไม่ว่าเรื่องอะไรที่ตกไปอยู่บนตัวของฉู่หลิวเยว่ก็กลายเป็นแปลกประหลาดไปหมด? ก่อนหน้านี้ในการแข่งขันเป็นปรมาจารย์ลึกลับและศิลปะการต่อสู้ก็เป็นอบบนี้ มาวันนี้ที่นางเริ่มฝึกทำยาก็เป็นแบบนี้เช่นกัน!

หรือว่าลูกยอดฟ้าหิมพานต์นั้นจะมีปัญหา?

แต่ชุดวัตถุดิบยาเหล่านี้ถูกเตรียมเอาไว้แล้ว อีกอย่างก่อนหน้านี้นางก็ตรวจสอบแล้ว และพบว่าวัตถุดิบทั้งสองชุดปลอดภัยดี

เวลาค่อยๆ ผ่านไป นางเหลือบมองไปโดยไม่ได้ตั้งใจจึงเห็นว่าวัตถุดิบที่อยู่ข้างตัวฉู่หลิวเยว่ถูกใช้ไปถึงครึ่งหนึ่งแล้ว ซือถูซิงเฉินถึงกับตกใจ เมื่อคิดคร่าวๆ แล้ว ความเร็วในการทำยาของฉู่หลิวเยว่ยังเร็วกว่านางเสียอีก!

ประเด็นคือฉู่หลิวเยว่กลับไม่รีบร้อนเร่งผล ในทางกลับกันกลับทำหน้านิ่งอยู่ตลอดเวลา และไม่เห็นว่านางจะขยับสักเท่าไหร่ ก็เดินทางมาถึงขั้นตอนนี้แล้ว

ซือถูซิงเฉินร้อนรนใจและจับแขนเสื้อแน่นโดยไม่รู้ตัว แล้วนำมือมาถูกัน นั่นเป็นลายเมฆที่นางตั้งใจปักเอง เมื่อก่อนทุกครั้งที่นางกลัวหรืออารมณ์ไม่ดีก็มักจะชอบกำปลายแขนเสื้อของตัวเองแล้วถูไปที่ลายเมฆปักนั้น และมันก็ทำให้นางสงบลงได้ย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านางนั้นไม่ใช่ชายหนุ่มรูปงามแต่อย่างใด แต่กลับเป็นเปลวไฟที่ลุกโชน ยังมีเนื้อสีดำไหม้เกรียมด้วย เหมือนว่านางถูกไฟลวกอย่างไรอย่างนั้น จึงรีบปล่อยแขนเสื้อทันที แต่ในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความโมโหและอับอายไม่รู้จบ!

เมื่อนางค่อยๆ มองไปยังฉู่หลิวเยว่จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าวันนั้นเป็นหรงซิวที่พาฉู่หลิวเยว่ออกไปก่อน

หลังจากนั้นไม่นาน คฤหาสน์หลีหวันก็โยนเสื้อผ้าที่มีลายเมฆออกมาก่อนจะเผาทิ้ง!

หรือว่า ฉู่หลิวเยว่จะพูดอะไรกับหรงซิว?

ไม่อย่างนั้น ทำไมถึงต้องทำให้นางอับอายมากขนาดนี้ในเวลานี้ด้วย!

นางหายใจติดขัด ร่างกายสั่นไปทั้งตัว ไม่ง่ายเลยกว่าจะควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้เพียงแต่ความแค้นในใจที่มีต่อฉู่หลิวเยว่นั้นเพิ่มขึ้นอีกชั้นก็เท่านั้น

หึ่ง!

มีเสียงคลื่นดังขึ้น!

“ขอบใจผู้อาวุโสเฟิงอี้มาก!”

“แต่เป็นซื่อผิ่นระดับล่าง ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะมีความสุขนะ?” หลังจากที่มั่วชังดูแล้วก็กล่าวอย่างเย็นชา

ทำให้เหลิ่งชวนประหม่าทันที

เฉิงลี่เสวี่ยทนมองไม่ได้จึงยิ้มหยันพลางเอ่ยปาก

“ซื่อผิ่นระดับล่างก็คือซื่อผิ่นเหมือนกัน! ว่าอย่างไรดีล่ะ นี่ก็เป็นยาเม็ดแรกในวันนี้ด้วย! จะว่าไปวันนี้จะมีเม็ดที่สองหรือไม่ก็ยังไม่มีใครรู้!” มั่วชังถูกขัดจนพูดไม่ออก จึงหันหน้ากลับไปด้วยความรำคาญ

เฉิงลี่เสวี่ยนำกล่องหยกคืนให้กับเหลิ่งชวนก่อนจะพูดอย่างภูมิใจ “ทำได้ดีมาก”

เหลิ่งชวนจึงปล่อยตัวให้สบาย “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสทั้งสามอย่างมาก”

อาจารย์ผู้ตัดสินที่อยู่ข้างๆ หยิบปากกาขึ้นมาบันทึกผล เฉิงลี่เสวี่ยนั่งลงอย่างมีความสุขพลางทำท่าทางเหมือนได้รับชัยชนะ

“เฟิงอี้ ข้าว่าจี้จื่อฉิงในสำนักของพวกเจ้าก็ใช้ได้เลยทีเดียว แต่ติดที่ความเร็วที่ค่อนข้างช้าหน่อย! เหลือเวลาเพียงเท่านี้ก็รู้ว่า”

หึ่ง!

แล้วสนามแข่งขันก็เกิดเสียงหึ่งๆ ดังขึ้นอีกครั้ง เฉิงลี่เสวี่ยมองไปก็ได้ยินเสียงบางอย่างจึงหยุดกะทันหัน!

การเคลื่อนไหวนั้น ที่แท้ก็ดังมาจากหม้อยาของฉู่หลิวเยว่นี่เอง นางใกล้จะทำสำเร็จแล้ว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์