ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 305

ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างไสวขึ้น

หม้อยาใบความเปลี่ยนแปลง มันสั่นไหว

จากนั้นมันก็ลอยขึ้นไปบนฟ้า แล้วมันก็ย่อขนาดอย่างรวดเร็ว

ภายในเวลาเพียงพริบตาเดียว หม้อยาใบนั้นก็เล็กลงเหลือเพียงแค่ฝ่ามือเท่านั้น

ฉู่หลิวเยว่มองดูหม้อยาใบเล็กๆ ที่อยู่ในมือด้วยความสงสัย

ใสสะอาด ละเอียดอ่อน และเล็ก ดูเหมือนหม้อธูปมากกว่าหม้อปรุงยา

อินทรีดำที่กำลังจ้องฉู่หลิวเยว่อยู่กลางอากาศด้วยแววตาเศร้าโศก เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาทันที

ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็สามารถเข้าใกล้หม้อยาได้แล้ว

อีกอย่าง หม้อยาใบนั้น

พรึ่บ!

มันสั่นแรงก่อนจะพุ่มตรงเข้ามาหาฉู่หลิวเยว่!

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้ามองไป

ทันใดนั้น จู่ๆ หม้อยาใสใบเล็กใบนั้นก็หมุนตัวทันที

ฉึก!

ขาหม้อที่แหลมคมกรีดฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่จนเป็นแผล

เลือดสีแดงสดไหลออกมาถูกหม้อยาใบนั้นดูดกลับไปอย่างรวดเร็ว และหายไปจนหมด

จากนั้นหม้อยาใบที่เล็กเท่าหม้อธูปนั้นเกิดลำแสง และพุ่งเข้ามายังแผลของนางเข้าไปในร่างกายทันที

ฉู่หลิวเยว่สังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่าเหมือนมีสิ่งใดบางอย่างโผล่ขึ้นมาที่จุดตันเถียน

นางเอียงคอและตั้งใจสำรวจก็เห็นว่าเป็นหม้อยาใบนั้น

มันเข้าไปถึงจุดตันเถียนของนางโดยไม่ส่งเสียงใดๆ

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว

นางยังไม่รู้แน่ชัดว่า ของสิ่งนี้คืออันใดกันแน่ สถานการณ์แบบนี้อันตรายเกินไปแล้ว

นางอยากจะเอาหม้อใบเล็กๆ นั้นออกมา

เปลวไฟสีดำลูกหนึ่งพุ่งออกมาจากหม้อยา

จากนั้นเมื่อเปลวไฟนั้นกำลังจะกลืนกินหยดน้ำหยดนั้น จู่ๆ ก็เสียง “ฉึก!” ดังขึ้น

แล้วเปลวไฟสีดำก็มอดลงทันที

ในขณะเดียวกันในหูของฉู่หลิวเยว่ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นเช่นกัน

อสูรร้ายที่มาอยู่ตรงหน้าของนาง หยุดชะงักไปก่อนที่จะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

ฉู่หลิวเยว่นิ่งไปสักพัก

ก่อนที่จะมีการคาดเดาวูบหนึ่งเกิดขึ้นในใจของนาง

นางลองที่จะควบคุมให้หยดน้ำนั้น ให้กลับเข้าหม้อยา

ทุกครั้งที่นางบังคับให้เข้าใกล้ เปลวไฟสีดำที่ลุกโชนในหม้อธูปก็ขยับถอยหลังทุกครั้ง และเมื่ออยู่ตรงหน้าของฉู่หลิวเยว่ อารมณ์ของวิญญาณที่เดิมทีดูดุร้ายสุดก็ค่อยๆ อ่อนโยนลง

ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิด ก่อนที่หยดน้ำนั้นจะหมุนวนรอบหม้อรูปอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดวิญญาณร้ายสีดำก็แตกสลายและหายไปทันที

จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็มองไปยังตำแหน่งตันเถียน

เปลวไฟสีดำที่อยู่ในหม้อธูปก็มอดไปเกินครึ่งแล้ว เหลือเพียงหย่อมสุดท้าย

สามารถเห็นดวงตาสีแดงลางๆ

เห็นได้ชัดว่าวิญญาณของอสูรร้ายตัวนั้นหลบอยู่ในเปลวไฟกระจุกสุดท้ายนี้

ขอเพียงแค่หยดน้ำนั่นขยับเข้าไปอีกนิดเดียว ก็สามารถเห็นมันได้อย่างชัดเจนแล้ว

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้ว

“ดูแล้วเจ้าก็ไม่ได้เก่งอย่างที่คิด”

ในแววตาสีแดงเลือดที่เต็มไปด้วยความอาฆาต และไม่พอใจโผล่ขึ้นมา

มันนึกไม่ถึงเลยว่านอกจากหม้อยาใบนั้น ไม่ได้หันกลับไปฆ่าฉู่หลิวเยว่แล้ว แต่จะทำ…

ฉู่หลิวเยว่มองความโกรธเคืองของมันออก จึงเอ่ยปากบอกว่า

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจแต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ หม้อยาหม้อนี้ดูแล้วใช้ได้เลยล่ะ ส่วนเจ้า…ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องอยู่ที่นี่” พูดแล้วนางก็ครุ่นคิด

ทว่า หยดน้ำหยดนั้นก็พุ่งไปยังเปลวไฟกระจุกสุดท้ายอย่างรวดเร็ว!

แล้วเสียงกรีดร้องเล็กแหลมขอความช่วยเหลือก็ดังขึ้น

ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป

“ตอนนี้เจ้าจะยอมแพ้หรือยัง?”

ในดินแดนพลังต่อสู้นั้น ระดับของอสูรร้ายเป็นสิ่งที่เข้มงวดมาก

ตามตำนานเล่าว่า เมื่ออสูรร้ายมีพลังสูงกว่าระดับเก้า จะสามารถทะลุผ่านโซ่ตรวจ พูดภาษาคน และกลายร่างเป็นคนได้ และอสูรร้ายที่มีพลังเหนือกว่าอสูรร้ายทั่วไป เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์

คงจะเป็นเพราะเมื่อชาติที่แล้ว นางเป็นถึงจักรพรรดินี แต่นางก็ไม่เคยเห็นสิ่งที่ระดับสูงเช่นนี้มาก่อน

ฉู่หลิวเยว่นึกว่านั่นเป็นเพียงตำนานเท่านั้น แต่นึกไม่ถึงเลยว่าภายใต้หอคอยจิ่วโยวนี้จะขังอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้เอาไว้ด้วย

จู่ๆ ภายในเปลวไฟกระจุกนั้นเปร่งแสงสว่างขึ้น

เหมือนสิ่งที่แกะสลักอยู่บนประตู นั่นก็คือนกอินทรีตัวหนึ่ง

มันจ้องฉู่หลิวเยว่ไว้แม้ว่ารูปร่างของมันจะสามารถลวงตาได้ แต่พลังข่มขู่บนตัวนั้นกลับไม่สามารถปล่อยผ่านได้

ฉู่หลิวเยว่ตั้งใจสำรวจมันก่อนจะมีความคิดต่างๆ ผุดขึ้นมามากมาย แต่สุดท้ายก็นึกไม่ถึงว่านี่คืออสูรศักดิ์สิทธิ์แบบใด

“…ข้าอยู่กับหม้อยาเทียนฟังใบนี้มานานนับพันปี และพึ่งพาอาศัยกันมาโดยตลอด ถ้าเจ้าปล่อยข้าออกไป ข้าจะขอบใจเจ้ามาก”

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกแปลกใจ

หม้อยาเทียนฟัง? ชื่อนี้ดูคุ้นมาก แต่นางกลับนึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

นึกอยู่สักพัก นางก็ตัดสินใจปล่อยมันไว้ มองไปทางอสูรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง

“เจ้า…จะให้ข้าปล่อยเจ้าหรือ?”

“ใช่”

“ถ้าข้าปล่อยเจ้าออกไปจริงๆ เจ้าจะตอบแทนข้าอย่างใด?”

“ขอเพียงแค่ข้าทำได้ ข้าจะทำให้ทุกอย่าง” ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป

“หม้อศักดิ์สิทธิ์เทียนฟังนี้เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์สูงสุด หากเจ้าปล่อยข้าวัตถุชิ้นนี้ก็จะเป็นของเจ้าทันที”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆ

“เหมือนว่ามันจะคิดว่าข้าเป็นเจ้าของไปแล้ว? ถ้าข้าปล่อยเจ้าไปแล้วเกิดเจ้าหันกลับมาทำร้ายข้า ข้าจะทำอย่างใดล่ะ? ถ้าจำไม่ผิด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าเข้ามาในหอคอยจิ่วโยวนี้ เจ้าก็มีความคิดนี้แล้วไม่ใช่รึ?”

สิ่งที่ตอบกลับฉู่หลิวเยว่มีเพียงความเงียบเท่านั้น

“คนอย่างข้าชอบถอนรากถอนโคน…ฉะนั้น”

ฉู่หลิวเยว่พูดแล้วก็คิดจะฆ่ามันทันที

“ข้าขอสาบานด้วยเกียรติของอินทรีสามตาว่า ขอเพียงแค่เจ้าปล่อยข้าไป เจ้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แน่นอน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์