แต่ละคำนั้นพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
แววตาของจักรพรรดิจยาเหวินมองฉู่หลิวเยว่อย่างสงสัย
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดก็เอ่ยปากว่า
“ลูกสาวของแม่ทัพทหารฉู่หนิงอย่างฉู่หลิวเยว่ เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จิตใจเมตตากว้างขวาง และเป็นคนร่าเริง วันนี้ถึงเวลาที่ลูกชายคนที่เจ็ดของข้าอย่างหลีอ๋องต้องอภิเษกสมรสแล้ว เพื่อให้เป็นศิริมงคลแล้ว จึงขอสู่ขอแม่นางหลิวเยว่เป็นชายานีของหลีอ๋อง และขอให้งานอภิเษกสมรสนั้นผ่านไปอย่างราบรื่น!”
เสียงทุ้มต่ำแต่ทรงพลังของจักรพรรดิจยาเหวินสะท้อนอยู่ข้างหูของทุกคน
ทุกคนจึงเงียบไปทันที
ก่อนหน้านี้ ใครก็นึกไม่ถึงว่าหลีอ๋องจะอภิเษกสมรสับฉู่หลิวเยว่
คนสองคนที่ดูเหมือนจะไม่ข้องเกี่ยวกันแต่สุดท้ายกลับเป็นคู่ชีวิตกันไปแล้ว
อีกอย่างภายใต้สถานการณ์ที่แปลกๆ ตอนนี้กลับได้ถูกจัดการ และประกาศอย่างเป็นทางการแล้วด้วย
ริมฝีปากของหรงซิวค่อยๆ ยกยิ้ม
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่เมตตาลูก”
น้ำเสียงนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง ทุกคนพากันขอบคุณ และยังแสดงความยินดีกับฉู่หนิงด้วย ไม่ว่าอย่างใด ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปฉู่หลิวเยว่ก็ถือเป็นจักรพรรดิแล้ว แน่นอนว่าสถานะตัวตนก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ถึงแม้ว่าบนตัวของหลีหวันจะสุขภาพไม่แข็งแรง และไม่ได้มีอำนาจอันใดอยู่ในมือ แต่ดูจากสถานการณ์ในวันนี้แล้ว ความรักที่ฝ่าบาทมีให้กับหลีอ๋องไม่เหมือนกันคนทั่วไป
จากเหตุการณ์นี้แล้ว ชีวิตของหลีหวันก็คงจะไม่แย่มากนัก
และฉู่หลิวเยว่…
ก่อนหน้านี้นางเคยยกเลิกหมั้นกับเจ้าชายมาก่อน และแม้ว่าตอนนี้นางจะกลายเป็นอัจฉริยะที่ทุกคนชื่นชม แต่ถึงอย่างใดเรื่องนี้ก็ค่อนข้างละเอียดอ่อน
วันนี้นางอภิเษกสมรสกับหลีหวัน อีกอย่างก็เป็นหลีหวันที่เป็นคนเอ่ยปากเองด้วย ช่างเป็นเรื่องที่ดีเหลือเกิน
สุดท้ายแล้ว งานอภิเษกสมรสครั้งนี้สำหรับพวกเขานั้น ก็เป็นเรื่องที่มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย
ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความปีติยินดี มีเพียงสีหน้าของหรงจิ้นเท่านั้นที่ดูไม่ได้
เขามองไปยังฉู่หลิวเยว่ด้วยความเหม่อลอย แต่กลับเห็นฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นไปอยู่ข้างหรงซิวแล้วพยุงเขาลุกขึ้นมา
หรงซิวไออยู่หลายทีจนสีหน้าก็ซีดขึ้นกว่าเดิม
หรงจิ้นกัดฟัน
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ได้ฉู่หลิวเยว่ไปเขาสามารถยอมรับได้ทั้งนั้น แต่ทำไปต้องเป็นหรงซิว
เมื่อก่อนท่านแม่แท้ๆ ของเขาก็สู้สนมเอกอย่างแม่ของหรงซิวไม่ได้ ตอนนี้เขาก็ยังสู้หรงซิวไม่ได้อีก
เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเสด็จพ่อปฏิบัติกับหรงซิวไม่เหมือนกับตัวเอง ดูจากตอนนี้แล้ว ยังร้ายแรงกว่าที่คิดไว้เสียอีก
แต่ไม่ว่าหรงซิวอยากได้อันใด ของเพียงแค่เอ่ยปาก เกรงว่าเสด็จพ่อก็คงจะให้เขาทุกอย่าง
ส่วนเขาที่ยืนตระหง่านอยู่ในตำแหน่งองค์รัชทายาทมานานหลายปี กลับไม่เห็นจะมีความดีตกมาถึงเลยสักนิด กลับกันยังถูกเสด็จพ่อทำให้อับอายต่อหหน้าผู้คน และเกือบจะถูกให้ลงจากบัลลังก์ด้วย
แบบนี้จะทำให้จิตใจของเขาสงบได้อย่างใด
เมื่อปกป้องตำแหน่งองค์รัชทายาทไว้ให้หรงซิวได้แล้ว จักรพรรดินีจึงรู้สึกโล่งใจไปที
บวกกับที่จักรพรรดิจยาเหวินได้ยอมรับการอภิเษกสมรสของหรงซิวและฉู่หลิวเยว่แล้ว ในใจของนางจึงยิ่งรู้สึกดีใจมากขึ้นไปอีก
ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่สามารถยั่วให้หรงจิ้นหลงใหลได้แล้ว และจากนี้ไปหรงจิ้นก็จะได้ตายใจ และไม่เสียเวลา เสียใจกับฉู่หลิวเยว่อีก!
นางเหลือบมองไป ก็เห็นหรงจิ้นที่กำลังมองฉู่หลิวเยว่แล้วหรงซิวด้วยสีหน้าเสียใจอยู่
นางหลับตาด้วยความรำคาญ เพื่อตั้งใจให้น้ำเสียงตัวเองฟังดูอ่อนโยน
“ฝ่าบาท ท่านดูองค์รัชทายาทสิ”
“องค์ชายหรงจิ้นมีนิสัยอารมณ์ร้อนและอวดดี ตั้งแต่วันนี้ไปให้คิดทบทวน และสำนึกผิดอยู่ในวังรัชทายาท ถ้าไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามออกมาเด็ดขาด คนอื่นก็ห้ามเข้าไปเช่นกัน”
นี่ถือเป็นการถูกกักบริเวณอยู่ในวัง
ถึงแม้ว่าครั้งที่แล้วจะถูกกักบริเวณไปแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้
แต่ครั้งนี้ ถูกสั่งต่อหน้าทุกคนแบบนี้ หน้าตาของหรงจิ้นถูกขายจนทำให้อับอายไปหมดแล้ว
แต่สำหรับผลสรุปทุกอย่างนั้นจักรพรรดินีพอใจเป็นอย่างมาก
ขอเพียงแค่หรงจิ้นไม่ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง ทุกอย่างก็ยังสามารถเริ่มใหม่ได้!
“องค์รัชทายาท ยังไม่รีบขอบพระทัยท่านอีก!”
จักรพรรดินีเอ่ยปากเตือนพลางจ้องหรงจิ้นตาเขม็ง
หรงจิ้นจึงรู้สึกตัวขึ้น
“ขอบพระทัยในความเมตตาของเสด็จพ่อขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...