ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 316

แต่ละคำนั้นพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

แววตาของจักรพรรดิจยาเหวินมองฉู่หลิวเยว่อย่างสงสัย

ผ่านไปสักพัก ในที่สุดก็เอ่ยปากว่า

“ลูกสาวของแม่ทัพทหารฉู่หนิงอย่างฉู่หลิวเยว่ เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จิตใจเมตตากว้างขวาง และเป็นคนร่าเริง วันนี้ถึงเวลาที่ลูกชายคนที่เจ็ดของข้าอย่างหลีอ๋องต้องอภิเษกสมรสแล้ว เพื่อให้เป็นศิริมงคลแล้ว จึงขอสู่ขอแม่นางหลิวเยว่เป็นชายานีของหลีอ๋อง และขอให้งานอภิเษกสมรสนั้นผ่านไปอย่างราบรื่น!”

เสียงทุ้มต่ำแต่ทรงพลังของจักรพรรดิจยาเหวินสะท้อนอยู่ข้างหูของทุกคน

ทุกคนจึงเงียบไปทันที

ก่อนหน้านี้ ใครก็นึกไม่ถึงว่าหลีอ๋องจะอภิเษกสมรสับฉู่หลิวเยว่

คนสองคนที่ดูเหมือนจะไม่ข้องเกี่ยวกันแต่สุดท้ายกลับเป็นคู่ชีวิตกันไปแล้ว

อีกอย่างภายใต้สถานการณ์ที่แปลกๆ ตอนนี้กลับได้ถูกจัดการ และประกาศอย่างเป็นทางการแล้วด้วย

ริมฝีปากของหรงซิวค่อยๆ ยกยิ้ม

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่เมตตาลูก”

น้ำเสียงนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง ทุกคนพากันขอบคุณ และยังแสดงความยินดีกับฉู่หนิงด้วย ไม่ว่าอย่างใด ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปฉู่หลิวเยว่ก็ถือเป็นจักรพรรดิแล้ว แน่นอนว่าสถานะตัวตนก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

ถึงแม้ว่าบนตัวของหลีหวันจะสุขภาพไม่แข็งแรง และไม่ได้มีอำนาจอันใดอยู่ในมือ แต่ดูจากสถานการณ์ในวันนี้แล้ว ความรักที่ฝ่าบาทมีให้กับหลีอ๋องไม่เหมือนกันคนทั่วไป

จากเหตุการณ์นี้แล้ว ชีวิตของหลีหวันก็คงจะไม่แย่มากนัก

และฉู่หลิวเยว่…

ก่อนหน้านี้นางเคยยกเลิกหมั้นกับเจ้าชายมาก่อน และแม้ว่าตอนนี้นางจะกลายเป็นอัจฉริยะที่ทุกคนชื่นชม แต่ถึงอย่างใดเรื่องนี้ก็ค่อนข้างละเอียดอ่อน

วันนี้นางอภิเษกสมรสกับหลีหวัน อีกอย่างก็เป็นหลีหวันที่เป็นคนเอ่ยปากเองด้วย ช่างเป็นเรื่องที่ดีเหลือเกิน

สุดท้ายแล้ว งานอภิเษกสมรสครั้งนี้สำหรับพวกเขานั้น ก็เป็นเรื่องที่มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย

ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความปีติยินดี มีเพียงสีหน้าของหรงจิ้นเท่านั้นที่ดูไม่ได้

เขามองไปยังฉู่หลิวเยว่ด้วยความเหม่อลอย แต่กลับเห็นฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นไปอยู่ข้างหรงซิวแล้วพยุงเขาลุกขึ้นมา

หรงซิวไออยู่หลายทีจนสีหน้าก็ซีดขึ้นกว่าเดิม

หรงจิ้นกัดฟัน

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ได้ฉู่หลิวเยว่ไปเขาสามารถยอมรับได้ทั้งนั้น แต่ทำไปต้องเป็นหรงซิว

เมื่อก่อนท่านแม่แท้ๆ ของเขาก็สู้สนมเอกอย่างแม่ของหรงซิวไม่ได้ ตอนนี้เขาก็ยังสู้หรงซิวไม่ได้อีก

เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเสด็จพ่อปฏิบัติกับหรงซิวไม่เหมือนกับตัวเอง ดูจากตอนนี้แล้ว ยังร้ายแรงกว่าที่คิดไว้เสียอีก

แต่ไม่ว่าหรงซิวอยากได้อันใด ของเพียงแค่เอ่ยปาก เกรงว่าเสด็จพ่อก็คงจะให้เขาทุกอย่าง

ส่วนเขาที่ยืนตระหง่านอยู่ในตำแหน่งองค์รัชทายาทมานานหลายปี กลับไม่เห็นจะมีความดีตกมาถึงเลยสักนิด กลับกันยังถูกเสด็จพ่อทำให้อับอายต่อหหน้าผู้คน และเกือบจะถูกให้ลงจากบัลลังก์ด้วย

แบบนี้จะทำให้จิตใจของเขาสงบได้อย่างใด

เมื่อปกป้องตำแหน่งองค์รัชทายาทไว้ให้หรงซิวได้แล้ว จักรพรรดินีจึงรู้สึกโล่งใจไปที

บวกกับที่จักรพรรดิจยาเหวินได้ยอมรับการอภิเษกสมรสของหรงซิวและฉู่หลิวเยว่แล้ว ในใจของนางจึงยิ่งรู้สึกดีใจมากขึ้นไปอีก

ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่สามารถยั่วให้หรงจิ้นหลงใหลได้แล้ว และจากนี้ไปหรงจิ้นก็จะได้ตายใจ และไม่เสียเวลา เสียใจกับฉู่หลิวเยว่อีก!

นางเหลือบมองไป ก็เห็นหรงจิ้นที่กำลังมองฉู่หลิวเยว่แล้วหรงซิวด้วยสีหน้าเสียใจอยู่

นางหลับตาด้วยความรำคาญ เพื่อตั้งใจให้น้ำเสียงตัวเองฟังดูอ่อนโยน

“ฝ่าบาท ท่านดูองค์รัชทายาทสิ”

“องค์ชายหรงจิ้นมีนิสัยอารมณ์ร้อนและอวดดี ตั้งแต่วันนี้ไปให้คิดทบทวน และสำนึกผิดอยู่ในวังรัชทายาท ถ้าไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามออกมาเด็ดขาด คนอื่นก็ห้ามเข้าไปเช่นกัน”

นี่ถือเป็นการถูกกักบริเวณอยู่ในวัง

ถึงแม้ว่าครั้งที่แล้วจะถูกกักบริเวณไปแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้

แต่ครั้งนี้ ถูกสั่งต่อหน้าทุกคนแบบนี้ หน้าตาของหรงจิ้นถูกขายจนทำให้อับอายไปหมดแล้ว

แต่สำหรับผลสรุปทุกอย่างนั้นจักรพรรดินีพอใจเป็นอย่างมาก

ขอเพียงแค่หรงจิ้นไม่ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง ทุกอย่างก็ยังสามารถเริ่มใหม่ได้!

“องค์รัชทายาท ยังไม่รีบขอบพระทัยท่านอีก!”

จักรพรรดินีเอ่ยปากเตือนพลางจ้องหรงจิ้นตาเขม็ง

หรงจิ้นจึงรู้สึกตัวขึ้น

“ขอบพระทัยในความเมตตาของเสด็จพ่อขอรับ”

ฉู่หลิวเยว่น้ำตาคลอเบ้า แต่ทั้งตัวของนางก็รู้สึกสบายใจ และมีความสุขอย่างพูดไม่ถูก เดิมทีในโลกใบนี้ ยังมีคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อนางอยู่ ฉู่หนิงหรี่ตามองมาจากอีกฝั่งด้วยแววตาที่สับสน

ที่จริงแล้วหลีหวันชอบเยว่เอ๋อร์นี่เอง

เมื่อก่อนเขาไม่เข้าใจว่าทำเหตุใดหลีหวันถึงคอยยื่นมือช่วยลูกสาวของพวกเขาอยู่หลายต่อหลายครั้ง ดูจากตอนนี้แล้วในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างก็มีคำตอบแล้ว

พอตั้งใจนึกดูแล้ว หลีหวันก็ไม่ใช่คนที่ไม่ดีอันใด แต่น่าเสียดายทีร่างกายของเขาไม่แข็งแรงนัก

แต่เมื่อเทียบกับคนอย่างหรงจิ้นแล้วก็ยังดีกว่าไม่น้อย

เขาเดินเข้าไปหาหรงซิว

“หลีอ๋อง…”

หรงซิวยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ท่านฉู่หนิง ตอนนี้ข้ากับเยว่เอ๋อร์ได้ตกลงสมรสกันแล้ว ท่านไม่ต้องเกรงใจถึงเพียงนั้นก็ได้”

ฉู่หนิงลังเลสักพัก ในที่สุดก็เอ่ยปาก

“มีบางอย่างที่ข้าอยากจะคุยเป็นการส่วนตัว…”

“เจ้าห้ามทำให้เจ้าหลิวเยว่คนนี้เสียใจเด็ดขาด”

ฉู่หนิงยังพูดไม่จบ เยี่ยจือถิงที่อยู่อีกฝั่งก็เอ่ยปากก่อนแล้ว

ใบหน้าของเขามีความเคร่งขรึมที่ยากที่จะเห็นได้ และมองหรงซิวด้วยแววตาที่กำลังเตือนเขาอยู่

“นี่เป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของข้า ถ้าเจ้ากล้าทำให้นางเสียใจ…อย่าหาว่าตาแก่อย่างข้าไม่เตือนเจ้าล่ะ”

ฉู่หนิงเงียบไป

ดี แม้แต่การพูดเดือนก็ถูกคนอื่นแย่งพูดไปแล้ว…

หรงจิ้นยิ้มแบบมีเลศนัย

“นั่นเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว ผู้อาวุโสเยี่ยและท่านฉู่หนิง จงวางใจเถิด”

เหมือนว่าเยี่ยจือถิงยังอยากจะรู้อันใดบางอย่าง แต่จู่ๆ ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นก็ตะโกนด้วยความตกใจ

“หัวหน้าสำนัก แย่แล้ว…สัตว์ร้ายตัวนั้นหายไปแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์