ฉู่หลิวเยว่และฉู่หนิงตามหรงเซียวกลับไปยังตำหนักหลีหวัน
คนของตำหนักหลีหวันต่างได้รับข่าวสารแล้ว ท่าทีที่ปฏิบัติต่อฉู่หนิงสองคนพ่อลูกจึงอ่อนโยน และเป็นมิตรสุดๆ เป็นการต้อนรับเข้ามาเป็นคนในบ้านตัวเอง
ซึ่งทำให้ฉู่หนิงรู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไร
หลังจากนั่งอยู่ในวังสักพัก ฉู่หนิงอยากให้หรงซิ่วพักผ่อนอย่างเต็มที่ ดังนั้นเขาจึงออกไปกับฉู่หลิวเยว่หรงเซียวจึงรถเรียกม้าคันเพื่อส่งทั้งสองกลับไป
เดิมทีฉู่หนิงไม่ยอมที่จะให้วุ่นวายแบบนั้น แต่ต่อมาก็เลี่ยงไม่ได้จริงๆ จึงทำได้เพียงตอบตกลง
สองพ่อลูกขึ้นบนหลังม้าและนั่งกันคนละฝั่ง
โดยที่ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอันใดกัน ฉู่หนิงสำรวจฉู่หลิวเยว่โดยไม่พูดไม่จาใดๆ อ้าปากแล้วก็หยุดไป ประหนึ่งว่ากำลังคิดว่าจะเอ่ยปากอย่างใด
“ท่านพ่อมีอันใดก็พูดออกมาเถิด” ฉู่หลิวเยว่พูดเสียงเบา
ฉู่หนิงเงียบสักพักก่อนจะเอ่ยปาก
“ระหว่างเจ้ากับหลีหวัน…มีอันใดกันมานานแล้วใช่หรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ
“พ่อหมายถึงอันใดหรือ?”
ฉู่หนิงนิ่งไปสักพัก
“ก็…พวกเจ้าชอบพอกันมาตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่…”
“ใช่”
สำหรับเรื่องนี้แล้ว ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้คิดจะปิดบังแต่อย่างใด
“เป็นอย่างที่ท่านพ่อคิด ข้ากับหลีหวันรู้สึกต่อกันมาตั้งนานแล้ว ฉะนั้นจึงได้มีการขออภิเษกสมรสกันในวันนี้” ถึงจะคิดมาก่อนแล้ว แต่พอได้ยินด้วยหูของตัวเองแล้ว ในใจฉู่หนิงก็ยากที่จะไม่รู้สึกแปลกๆ อยู่ดี
“มัน…มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนกัน? หรือว่าตั้งแต่ที่เขาช่วยชีวิตเจ้า”
“เรื่องที่หลีหวันช่วยชีวิตข้านั้นเกิดขึ้นก่อน ตอนนั้นพวกข้าทั้งสองยังไม่ได้รู้จักกัน”
ฉู่หนิงโล่งอกไปที
ก็แสดงว่าทั้งสองนั้นค่อยๆ ขับเคลื่อนความสัมพันธ์หลังจากที่หลีหวันกลับมาแล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็ค่อยยอมรับได้หน่อย
“เจ้าชอบหลีหวันจริงๆ หรือ?”
ฉู่หนิงจ้องตาฉู่หลิวเยว่พลางเอ่ยปากถาม ด้วยสีหน้าจริงจัง
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ
ฉู่หนิงนิ่งไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยปากพึมพำ
“งั้นก็ดี…งั้นก็ดีแล้ว”
สีหน้าของเขาดูซับซ้อน เหมือนจะเสียใจแต่ก็เหมือนจะดีใจด้วย
เขารู้จักนิสัยของเยว่เอ๋อร์ดี ถ้าไม่ได้ชอบหลีหวันจริงๆ นางไม่มีทางตอบรับการขออภิเษกสมรสในวันนี้แน่นอน
“หลีหวันเขาเป็นคนดีมาก”
อย่างน้อยเมื่อเทียบกับหรงจิ้นแล้ว ก็แข็งแกร่งและดีกว่ามากจริงๆ
เมื่อก่อนเยว่เอ๋อร์หน้ามืดตามัว และชอบหรงจิ้นมาหลายปี ยังต้องอับอาย…เสียใจอีกด้วย แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เขามองออกว่าหลีหวันดีกับเยว่เอ๋อร์มาก และมองนางเป็นเป็นอัญมณีล้ำค่าอย่างใดอย่างนั้น ถือว่าเขาสามารถวางใจได้แล้ว
“เพียงแต่ร่างกายของหลีหวันเยว่เอ๋อร์ เจ้าเคยวัดชีพจรให้หลีหวันหรือไม่ เจ้ามีวิธีที่พอจะช่วยให้เขาดีขึ้นได้หรือไม่”
หลีหวันป่วยตั้งแต่อยู่ในท้อง ตอนเด็กก็หาหมอมาแล้วไม่รู้กี่คน แต่ก็ยังไม่หายสักที และถึงจะส่งเขาไปรักษาที่เทียนชานหมิงเยว่มานานหลายปี แม้แต่วังก็ไม่ได้กลับ
ฉู่หลิวเยว่มองฉู่หนิงด้วยสีหน้าเป็นห่วง ในใจรู้สึกทั้งอุ่นใจและน่าตลก
“ท่านพ่อวางใจเถิด ข้าจะพยายาม ไม่ว่าต่อไปสุขภาพของหลีหวันจะเป็นอย่างใด ข้าก็จะดูแลเขาเป็นอย่างดี”
ฉู่หนิงถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้า
“งั้นก็ดี”
เขาเคยหวังให้เยว่เอ๋อร์ออกเรือนกับคนธรรมดาที่ร่างกายแข็งแรง และอยู่กันไปนานๆ
แต่เยว่เอ๋อร์กลับแสดงความสามารถที่น่าทึ่ง และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นคนธรรมดาสามัญเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
“ถ้าแม่ของเจ้ายังอยู่ ต้องดีใจแน่นอน…”
ในแววตาของฉู่หนิงมีความคิดถึงอยู่ลึกๆ
ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกเศร้าในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...