“มีอันใดนะ?”
หรงจิ้นนิ่งอึ้งไปทันที
“ก่อนหน้านี้ทางแคว้นซิงหลัวเคยเอ่ยปากกับเสด็จพ่อของเจ้าไว้ว่าอยากจะให้เข้ากับซือถูซิงเฉินแต่งงานกัน ซือถูซิงเฉินสถานะสูงส่ง เป็นที่โปรดปรานมาก ถ้าเจ้าแต่งกับนางแล้วจะช่วยเจ้าได้มากเลยทีเดียว
จักรพรรดินีดื่มชาหนึ่งอึก ก่อนจะเหลือบมองหรงจิ้นด้วยแววตาเย็นชา
“ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อของเจ้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ งั้นหรือ?”
หรงจิ้นขมวดคิ้ว
“แต่ซือถูซิงเฉิน…นี่เป็นวิธีเดียวแล้วหรือ เสด็จแม่”
“เจ้ายังคิดจะไม่ยอมอีกหรือ?”
จักรพรรดินีวางแก้วน้ำชาลงเสียงดังเคร้ง ก่อนจะหัวเราะเยาะ
“ไม่ว่าจะมองจากทางไหน ซือถูซิงเฉินก็เป็นองค์หญิงใหญ่ขององค์รัชทายาทที่ดีที่สุด เจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ?”
ถึงแม้ในใจของนางจะไม่ได้ชอบซือถูซิงเฉินสักเท่าไร แต่หลังจากอยู่ในวังมาหลายปีนางก็รู้สึกมาตลอดว่าซือถูซิงเฉินนั้นไม่ธรรมดา
แต่ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องพวกนั้นแล้ว
หรงจิ้นจึงเงียบลง
เขาก็รู้ดีว่าสถานการณ์ตัวเองในตอนนี้นั้นน่าเป็นห่วง ซือถูซิงเฉินจึงเป็นคนที่สามารถช่วยให้เขาตำรงตำแหน่งที่ไม่เป็นสองรองใครได้จริงๆ
“เจ้าหาวิธีติดต่อกับซือถูซิงเฉินซะ ถ้าให้ดีก็รีบเอาชนะใจนางให้ได้เร็วที่สุด แล้วต่อไปเรื่องทุกอย่างก็จะได้ผ่านไปอย่างราบรื่น”
หรงจิ้นขมวดคิ้ว
“แต่ลูกถูกขังอยู่ในนี้แล้ว ไม่สามารถออกไปไหนได้นี่ อีกอย่างงานสมาคมเยาวชนก็จบไปแล้ว พรุ่งนี้พวกเขาก็จะกลับกันแล้ว”
“นั่นมันสำคัญตรงไหน? ขอเพียงแค่เจ้าอยากก็สามารถทำได้ทุกอย่าง”
จักรพรรดินีไม่ได้สนใจ
“นอกจากว่า เจ้าไม่อยากจะเป็นรัชทายาทแล้ว”
หรงจิ้นกัดฟัน
“ลูกเข้าใจแล้ว”
…
ฉู่หนิงและฉู่หลิวเยว่กลับบ้านพร้อมกัน
เพิ่งจะถึงหน้าประตู ทั้งคู่ก็เห็นว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งรออยู่
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตามอง
นางรู้จักเด็กผู้ชายคนนั้น เขาเป็นคนของตระกูลฉู่
เมื่อเด็กชายคนนั้นเห็นฉู่หนิงสองพ่อลูกลงจากหลังม้า ก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าที่รีบร้อน
“ท่านฉู่หนิง แม่นางใหญ่ พวกท่านกลับมาแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่และฉู่หนิงสบตากัน
ไม่มีธุระไม่ได้ขึ้นวิหารสมบัติสินะ ตอนนี้พวกเขาเดาได้อย่างง่ายดายว่าตระกูลฉู่ส่งคนมาทำอันใด
“มู่เถิง เจ้ามาทำอันใด?”
เมื่อเด็กชายที่ชื่อมู่เถิงได้ยินก็พยักหน้าพลางทำหน้าตายิ้มแย้ม หยิบจดหมายออกมาจากอกแล้วยื่นให้อย่างสุภาพ
“แห๊ะๆ เป็นเรื่องน่าดีใจเหลือเกินที่ท่านฉู่หนิงยังจับข้าน้อยได้ นายท่านบอกว่าอยากจะเชิญท่านกลับไปยังตำหนักองค์ชายหลีหวัน นี่คือจดหมายขอรับ”
ฉู่หนิงยิ้มอย่างขมขื่น
“ตอนนั้นเจ้าให้เยว่เอ๋อร์หาบน้ำตั้งสามเดือน ทำให้มือทั้งสองข้างของนางแข็งเกร็งแบบนั้น ข้าจะลืมเจ้าได้อย่างใดเล่า”
สีหน้าที่ยิ้มแย้มของมู่เถิงแข็งทื่อและประหม่าทันที
“คือ…ตอนนั้นเป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ท่านให้อภัยข้าด้วยเถิดปล่อยข้าไปเถิด ข้าขอโทษท่านจริงๆ”
เห็นสีหน้าของฉู่หนิงสองพ่อลูกไม่การเคลื่นไหวแล้ว เขาจึงกัดฟันก่อนจะตบเข้าที่หน้าของตัวเองแรงๆ
“เป็นความผิดของข้าเอง…เป็นความผิดของข้าเอง! ข้าน้อยสมควรตาย!”
แก้มของเขาบวมแดง หลงเหลือรอยฝ่ามือเอาไว้
เมื่อฉู่หนิงไม่ได้เอ่ยปากเขาก็ไม่กล้าห้าม
จนกระทั่งรีบฝีปากของเขาเต็มไปด้วยคาบเลือดฉู่หนิงจึงแสยะยิ้ม และเดินไปยังประตูใหญ่ มู่เถิงเห็นทั้งสองจะเดินไปก็ร้อนรน และรีบเดินไปทันที
“ท่านฉู่หนิง ได้โปรดท่านเก็บจดหมายเอาไว้เถอะ ถ้าไม่อย่างงั้นข้ากลับไปคงไม่รู้จะอธิบายอย่างใด!”
ฉู่หนิงไม่อยากจะสนใจและไม่อยากจะมองแม้แต่หางตา
มู่เถิงรีบคุกเข่าลง ก่อนจะคำนับแรงๆ
“ท่านฉู่หนิง ขอร้องท่านล่ะ แม่นางใหญ่ ท่านขอร้องท่านฉู่หนิงให้ข้าทีเถิด”
ฉู่หนิงยกมุมปากขึ้นยิ้ม ก่อนจะหยิบจดหมายนั้นมาแล้วเปิดออกตามอำเภอใจ
นายท่านเป็นนคนเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยตัวเอง อีกอย่างคำพูดนั้นก็เกรงใจมาก เห็นได้ชัดว่าอยากจะพูดอธิบาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...