ฉู่หลิวเยว่มองหรงเจินอย่างเงียบๆ
“องค์หญิงสี่ เรื่องตลกนี้ไม่ตลกเอาเสียเลย”
เสียงหัวเราของหรงเจินหยุดลงและมองไปยังฉู่หลิวเยว่
ตากลับเห็นแววตาที่ใสเหมือนหินหยกสีดำกำลังจ้องมองตัวเองอยู่
แววตานั้นดูไม่สลดและเต็มไปด้วยความนิ่งเฉย แต่กลับทำให้คนรู้สึกกลับแปลกๆ
ในใจของนางมีความเยือกเย็นแผ่ออกมา ทำให้ตัวของนางหดลงทันที
เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังกลัวฉู่หลิวเยว่อยู่ หรงเจินก็โมโหและกระตุกเชือกทันที
“มองอันใดถ้ามองอีกข้าได้ควักลูกตาเจ้าออกมาแน่”
ครั้งนี้ ฉู่หลิวเยว่ดึงเชือกเอาไว้ก่อนละไม่ได้ปล่อยให้นางทำตามอำเภอใจ
หรงจิ้นดึงอยู่หลายครั้ง แต่ก็เห็นว่าไม่ขยับ ก็ยิ่งรู้สึกเสียหน้า และรู้สึกอับอายจนโมโห
“เมิ่งเหล่า สั่งสอนมันซะ!”
“องค์หญิงสี่”
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ยกมุมปากขึ้นอย่างไร้รอยยิ้ม
“เจ้าตั้งใจพาข้าออกมาตั้งไกล เพื่อมาสั่งสอนข้าเท่านั้นหรือ”
หรงเจินนิ่งไป
“ข้ารู้ว่าถ้าพวกเจ้าคิดจะฆ่าข้านั้นง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก และถึงจะตายไปก็คงไม่มีใครรู้ และไม่มีใครคิดว่าองค์หญิงสี่เป็นคนทำแน่นอน แต่ว่า…ท่านมั่นใจรึว่านี่คือสิ่งที่เจ้าอยากได้? ถ้าข้าตายแล้ว พลังจิตของเจ้า…ก็คงจะกลับมาหายดีไม่ได้แล้วล่ะ”
“เจ้ากล้าขู่ข้างั้นหรือ” สีหน้าของหรงเจินดูเคร่งขรึม
ช่วงหลายวันมานี้นางโมโหมามากพอแล้ว ตอนนี้แม้แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ยังกล้าพูดคำนี้ออกมาอีก
นางเดินมายู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว ยกฝ่ามือขึ้นจะตบไปที่แก้มของนาง
“ข้าตายไปก็ไม่เป็นไรหรอก”
ฉู่หลิวเยว่พูดอย่างใจเย็น
“แต่พ่อของข้ากับหลีหวันคงจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่นอน”
เหมือนว่าหรงเจินจะได้ยินเรื่องตลกอันใดบางอย่าง
“ฮ่า! คิดจะพึ่งพ่อที่ไร้ประโยชน์และสามีที่ป่วยงั้นหรือ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น”
ฉู่หลิวเยว่จ้องตาของหรงเจินและค่อยๆ ยิ้มออกมา
“ยังมี…ท่านรองแม่ทัพมู่ด้วย”
หรงเจินหน้าเจื่อนและฝ่ามือที่ยกอยู่กลางอากาศก็หล่นลงมาทันที
“รองแม่ทัพมู่เลือกข้าให้ไปยังราชวงศ์เทียนลิ่งกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าข้าเป็นอันใดไป เจ้าคิดว่า ท่านรองแม่ทัพมู่จะทำอย่างใด?”
หรงเจินกัดฟันแน่น
นางเกือบลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปแล้ว
เมิ่งเหล่าเอ่ยปากร้องขอ
“องค์หญิงสี่ เราจะทำผิดต่อทางรองแม่ทัพมู่ไม่ได้…”
“ข้ารู้อยู่แล้วน่า”
หรงเจินโมโห
ไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ยังดี แต่เมื่อพูดถึงแล้ว นางก็ยิ่งเกลียดฉู่หลิวเยว่เข้าไปใหญ่
เหตุใดฉู่หลิวเยว่ถึงถูกเลือก นางก็แค่พูดมากไปหน่อย ก็ถูกทำให้อับอายต่อหน้าผู้คนแล้ว
แม้กะทั่งตอนนี้นางก็ยังทำอันใดฉู่หลิวเยว่ไม่ได้อยู่อีก!
ถึงแม้ว่าหรงเจินจะเป็นคนทะนงตน แต่ก็ไม่ได้ไม่มีสมอง
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะโมโหจนจะเป็นบ้า แต่เมื่อตั้งใจคิดดูแล้ว ที่ฉู่หลิวเยว่พูดก็มีเหตุผล
ตอนนี้รีบเอาพลังจิตกลับคืนมาดีกว่า ส่วนเรื่องอื่นนั้น…ต่อไปค่อยทำก็เหมือนกันอยู่ดี
เมื่อนึกแบบนี้แล้ว ในใจของหรงเจินก็เกิดความโมโหและตะโกนเสียงดัง
“ครั้งนี้ถือว่าปล่อยเจ้าไปก่อนแล้วกัน ยังไม่รีบไปอีก”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองนางก่อนจะหันหลังกลับ และเดินไปข้างหน้าต่อ
คำพูดของนางดูเหมือนจะทำให้หรงเจินตื่นขึ้นเล็กน้อย และตลอดทั้งทางนั้น หรงเจินก็ไม่ได้ทำตัวเหมือนปีศาจอีกต่อไป
แต่ละคนจึงเดินไปข้างหน้าอย่างสงบ
…
หลังจากเดินมานานกว่าครึ่งชั่วโมง ขาของหรงเจินก็เริ่มปวดเมื่อยแล้ว
นางถามด้วยความหงุดหงิด
“อีกไกลแค่ไหนกันแน่ ฉู่หลิวเยว่ เจ้าไม่ได้คิดจะทำร้ายข้าใช่หรือมะ”
ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็หยุดเดิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...