เสียงนั่นมันเป็นเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มที่ฟังดูไม่แยแส แต่กลับเจือด้วยความเยือกเย็นอันน่าสะพรึงกลัวเอาไว้
มู่ชิงเห่อได้แต่เก็บซ่อนความเจ็บปวดในใจเอาไว้ พลันกัดฟันแน่น
“นายท่านโปรดวางใจ ข้าน้อยจะดำเนินการให้โดยเร็วที่สุด!”
“เจ้าเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”
คลื่นน้ำบนแผ่นกระจกกระเพื่อมขึ้นอย่างอุกอาจ พร้อมกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก
“ผู้คนต่างคิดว่าเจ้าออกไปตามหาชีพจรตี้จิง แต่ข้ออ้างนี้เริ่มหมดอายุไขของมันแล้ว หากเจ้าไม่สามารถจัดการสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จได้ก่อนกำหนด ฉะนั้น…ก็อย่าได้กลับมา เข้าใจหรือไม่?”
ริมฝีปากของของมู่ชิงเห่อซีดเผือดเพราะความเจ็บปวด
“…ข้าน้อย เข้าใจแล้วขอรับ”
จากนั้นคลื่นน้ำสีแดงเข้มก็ค่อยๆ จางหายไป มีแสงสีขาวอีกดวงหนึ่งเข้ามาห่อหุ้มมันไว้แทน
ผ่านไปครู่หนึ่ง กระจกทองสัมฤทธิ์รูปเพชรก็กลับมาเป็นปกติ
ตอนนั้นเองที่มู่ชิงเห่อรู้สึกว่าเหมือนความเจ็บปวดในร่างกายเขาจะบรรเทาลงแล้ว
ชายหนุ่มหลับตา วางกระจกทองสัมฤทธิ์รูปเพชรไว้อีกด้าน แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างหดหู่
พลันปีศาจแดงที่ยืนอยู่บนขอบหน้าต่าง ก็บินโฉบลงมาเกาะบนไหล่เขา
มู่ชิงเห่อลืมตาและมองดูมัน
ปีศาจแดงเขยิบเข้ามาใกล้และเอาตัวถูไถคลอเคลียกับใบหน้าเขา
มู่ชิงเห่อเงียบไปนาน ก่อนที่จะกระซิบบอก
“วางใจเถิด อีกไม่นานหรอก…”
…
ฉู่หลิวเยว่กลับไปที่สำนักเทียนลู่แล้วเล่าแผนการที่นางตั้งใจจะไปสำนักไท่เหยียนให้เยี่ยจือถิงฟัง
แม้ว่าใจหนึ่งเยี่ยจือถิงจะไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ แต่ก็รู้ว่านี่เป็นโอกาสเหมาะ หากยอมแพ้ตอนนี้คงน่าเสียดายแย่
และในที่สุด เขาก็ตัดสินใจว่าจะพาฉู่หลิวเยว่ไปส่งที่สำนักไท่เหยียนด้วยตนเอง
หากไม่ใช่เพราะตอนนี้ทางสำนักเทียนลู่กำลังยุ่งเรื่องจัดการกับหอคอยจิ่วโยว เขาก็อยากจะไปที่นั่นกับฉู่หลิวเยว่ แล้วพานางกลับมาพร้อมกัน
ฉู่หลิวเยว่จึงกล่าวย้ำว่านางจะอยู่ที่นั่นเพียงสิบวัน และจะกลับมาในไม่ช้า ฉะนั้นเยี่ยจือถิงถึงยอมคลายกังวล
จากนั้นผู้อาวุโสและศิษย์จึงเก็บสัมภาระและเดินออกไปด้วยกัน
…
ณ แคว้นซิงหลัว สำนักไท่เหยียน
เมื่องานสมาคมเยาวชนสิ้นสุดลง เฉิงหันและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ได้พาศิษย์ของตนกลับมายังสำนัก
ทว่าเนื่องจากทำคะแนนได้ไม่ดีนัก บรรยากาศภายในสำนักจึงค่อนข้างอึมครึมจนน่ากระอักกระอ่วนใจ
นอกจากนี้ เพราะเหิงจิ่งชั่วใช้พิษกู่โลหิตแดงขณะที่อยู่ในสมาคมเยาวชน จึงส่งผลให้อีกสองสำนักวิชาส่งผู้อาวุโสมาตรวจสอบสำนักไท่เหยียน
ดังนั้นบุคคลที่ใกล้ชิดและได้ติดต่อกับเหิงจิ่งชั่ว จึงถูกสอบสวนทีละคน
ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในสำนักไท่เหยียนมาก่อน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกอับอายและตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
“เหอะ ข้าทำเกินไปงั้นรึ? ตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่าที่นางชนะ และได้อันดับหนึ่งตำแหน่งเซียนแพทย์ในงานสมาคมเยาวชนไป ก็เพราะยาของฉู่หลิวเยว่ ดีนะที่ครั้งนี้ข้าไม่ได้ไปด้วย มิเช่นนั้นได้มีการนองเลือดแน่ๆ! เหลือเชื่อจริงๆ เหตุใดนางยังกล้าเชิดหน้าชูคอกลับมาที่สำนักวิชาอีก?” แม่นางผู้นั้นหัวเราะเย้ยหยัน พลางเสียดสีนางอย่างโจ่งแจ้ง
“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าตอนนั้นฉู่หลิวเยว่ไม่ได้แตะต้องนางเลย เป็นนางเองที่พลังไม่พอจนเกือบกลั่นยาอายุวัฒนะไม่ได้! สุดท้ายนางก็โยนปัญหาทุกอย่างให้ฉู่หลิวเยว่ แล้วใครจะไปคิดว่าฉู่หลิวเยว่จะทำสำเร็จ อีกทั้งยังทำให้นางชนะได้ที่หนึ่งด้วย! ถ้าเป็นข้านะ ข้าคงไม่กล้ารับตำแหน่งนั่นหรอก!”
ใบหน้าของชายหนุ่มคนแรกแดงก่ำ
“แต่ความสามารถและความแข็งแกร่งของซิงเฉินเองก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน! ขณะที่กำลังว่าร้ายนางอยู่ที่นี่พวกเจ้าเทียบนางได้งั้นหรือ”
“พวกเราเทียบนางไม่ติด ถึงได้ยอมเออออกับนางอยู่เช่นนี้ไงเล่า แต่ครานี้นางทำให้คนทั้งสำนักต้องเสียชื่อ! เจ้าจะให้เราทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาเลยงั้นหรือ จางหลิง พวกเรารู้ว่าเจ้าชอบนาง แต่เจ้าไม่สังเกตบ้างหรือ ว่านางไม่เคยเหลียวมองเจ้าเลย?”
เด็กหนุ่มโดนโต้กลับจนพูดไม่ออก
“วิสัยทัศน์ของซือถูซิงเฉินนั้นสูงลิ่ว มีชายหนุ่มมากความสามารถหลายคนขอนางแต่งงาน แต่นางกลับไม่มีทีท่าสนใจชายใดเลย”
“แต่ก็นะ ชื่อเสียงของนางพังทลายไปครึ่งหนึ่งแล้ว มาดูกันว่ายังจะมีคนชอบนางอยู่อีกมากหรือไม่?”
ซือถูซิงเฉินตัวสั่นด้วยความโกรธ นางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้ออุ้งมือ
แค่นี้นางยังได้รับความอัปยศอดสูไม่พออีกหรือ!?
ไม่คิดเลยว่าคนพวกนี้จะพูดถึงนางเช่นนี้ด้วย!
ทั้งสำนักไท่เหยียน หรือแม้แต่ทั่วทั้งแคว้นซิงหลัว เกรงว่าผู้คนทั้งหมดคงคิดเช่นนี้ไม่ต่างกัน!
ทว่าขณะที่นางกำลังคิดถึงวิธีจัดการกับคนเหล่านี้ สองหูกลับได้ยินแม่นางผู้หนึ่งพูดว่า
“ใช่แล้ว ได้ยินว่าวันนี้ฉู่หลิวเยว่ผู้นั้นจะมาที่สำนักวิชาของเรางั้นรึ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...